Joe Wings เริ่มจากคำถามที่ว่า ทำไมกินไก่ทอดต้องรู้สึกผิด ต้องคิดใหม่ว่าจะทำไก่ทอดอย่างไรให้อร่อยเเบบสบายใจ รู้สึกผิดน้อยลงได้บ้าง กลายเป็นโจทย์ที่ “โอ้กะจู๋” ตีจนแตกและกระโดดเข้าสู่สมรภูมิ Fried Chicken War ที่มีเม็ดเงินดึงดูดสูงถึง 28,000-30,000 ล้านบาท
จิรายุทธ ภูวพูนผล หรือ “โจ้” กรรมการและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม “โอ้กะจู๋” กล่าวถึงแนวคิดหลักของการตัดสินใจเปิดตัวร้านไก่ทอดแนวใหม่ แบรนด์ “Joe Wings” ว่า ทีมงานคิดและตอบโจทย์ทุกข้อ เริ่มตั้งเเต่ต้นทาง การเลือกวัตถุดิบ เนื้อไก่ไร้สาร การใช้น้ำมันคาโนล่า ไม่มีไขมันทรานส์ในการทอดและทอดด้วยเครื่อง Pressure Flyers ที่ลดการอมน้ำมันถึง 40% สามารถร่อนกระดูกออกจากเนื้อไก่ได้อย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกัน Joe Wings ต้องการเน้นจุดขายการบริการไก่ทอดที่มีความแตกต่างจากคู่แข่ง ภายใต้แนวคิด “Healthy Tasty Variety” ตามยุทธศาสตร์ตั้งต้นของโอ้กะจู๋ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ตั้งแต่เริ่มบุกเบิกธุรกิจเมื่อ 15 ปีก่อน โดยใช้หลักการ 3 ข้อ คือ Better Oil (น้ำมัน), Better Chicken (เนื้อไก่) และ Better Batter (แป้ง) รวมทั้งเมนูสลัดออแกนิกจากโอ้กะจู๋ เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองความอร่อยแบบเต็มๆ ชนิดไม่ทำลายสุขภาพ
สำหรับการเปิดสาขามีขนาด 3 รูปแบบ ได้แก่ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งสาขานำร่องในศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็นโมเดลขนาดกลาง พื้นที่ 100 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 1 ปี และสามารถขยายฐานลูกค้ากว้างขึ้น ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ครอบครัว และคนรักสุขภาพ เพราะนอกจากจุดขายไก่ทอดของคนไทยที่ใส่ใจสุขภาพคนกินแล้ว บริษัทพยายามเน้นความหลากหลายของรสชาติ โดยมีไก่ทอดให้เลือกถึง 9 รสชาติ ได้แก่ Classic, Garlic Parmesan, Nori & Soy, Lemon Pepper, Louisiana, Hot Too Hot, Midnight, Thai Spice Up, American Nashville เรียงลำดับตามความเผ็ดจากน้อยไปมาก ในราคาเริ่มต้น 119 บาท ไปจนถึง 999 บาท
นอกจากนั้น มี Homemade Dip ให้เลือก 5 รสชาติ ได้แก่ OG Honey Mustard, Ranch, Garlic, Joe Chilli และ Crazy Cheese มีเมนูรับประทานเล่นอื่น ๆ เช่น เฟรนช์ฟรายส์ สลัดผักพอนซึ Lemonade Slushy
แน่นอนว่า Joe Wings ถือเป็นอีกแบรนด์เรือธงของโอ้กะจู๋ ทั้งในแง่การรุกฐานตลาดใหม่ๆ การจับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งตามแผนเบื้องต้น บริษัทตั้งเป้าภายในปี 2568 จะขยายสาขารวม 6 แห่ง เน้นทำเลศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เช่น เดอะมอลล์บางกะปิ
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ กล่าวว่า ปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายรวมทุกแบรนด์เติบโต 20-30% จากปี 2567 โดยเตรียมงบลงทุน 350-400 ล้านบาท เพื่อขยายสาขา ทั้งโอ้กะจู๋ (Ohkajhu) 6 สาขา หรือปีนี้แตะ 47 สาขา Oh!Juice 15 สาขา ปีนี้แตะ 30 สาขา และแบรนด์ใหม่ Joe Wing ตั้งเป้าเปิดถึงสิ้นปีนี้รวม 6 สาขา ส่วนแบรนด์ Ohkajhu Wrap and Roll ยังมี 1 สาขาเท่าเดิม โดยกลยุทธ์ของบริษัทยังคงคอนเซ็ปต์ “Healthy Tasty Variety” รักษาการเติบโตยอดขาย และกำไร ได้แก่ การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นเป็นตัวเลือกสุขภาพ พัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคา การขยายสาขาให้เข้าถึงลูกค้าสะดวกมากขึ้น ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ดีลิเวอรี เน้นการเลือกพื้นที่สาขาที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าและตลาด เน้นการขยายความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ควบคุมต้นทุน มุ่งสร้างกำไร
ล่าสุด ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 708.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.3 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 32.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการขยายตัวของยอดขายในทุกแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์หลัก “โอ้กะจู๋” ที่มีการเปิดสาขาใหม่รวม 7 สาขา และการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในปี 2567 ได้แก่ “โอ้จู๊ซ” และ “โอ้กะจู๋ แรปแอนด์โรล”
ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 63.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9 ล้านบาท หรือเติบโต 48.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 8.0% ในไตรมาส 1/2567 มาอยู่ที่ 9.0%
ส่วนแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2567-2571 ตั้งเป้าหมายขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เพิ่มเป็น 67 สาขา สาขาแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” ครบ 20 สาขา สาขาแบรนด์ “Oh Juice” ครบ 70 สาขา ยังไม่รวมแบรนด์น้องใหม่ Joe Wings เพราะเพิ่งเปิดตัวบุกตลาดเมื่อเดือนเมษายน 2568 ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดีมาก เพื่อให้ทุกแบรนด์ของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ สามารถครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ
เหนือสิ่งอื่นใด คือ การนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้คนในยุคที่สารเคมีเต็มเมืองด้วย
๐ ที่มาภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Joe Wings
เส้นทาง “โอ้กะจู๋” ขึ้นแท่นหุ้น ESG Emerging
ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เจ้าของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ โอ้กะจู๋ “Oh! Juice” และร้านไก่ทอด Joe Wings เป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นน่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ปี 2568 คัดเลือกจาก 921 หลักทรัพย์จดทะเบียน
แน่นอนว่า โอ้กะจู๋ใช้เวลาอยู่นาน เพื่อทำธุรกิจภายใต้แนวคิด Be Organic from Farm to Table เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ตั้งแต่เพาะปลูกจนถึงเก็บผลผลิต
ชลากร เอกชัยพัฒนกุล หรือ “อู๋” ในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เคยกล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” เมื่อนึกย้อนถึงจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2553 ว่า “ตอนนั้นเอาจริงๆ เราเริ่มปลูกผัก ไม่ได้คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ ตอนนั้นคิดแค่ปลูกผักสลัด เปิดคาเฟ่เล็กๆ มีผักสลัด กาแฟ ไม่ได้คิดเหมือนกันจะมีสาขามากมาย นั่นเพราะลูกค้าให้การตอบรับดี ถ้าไม่ได้ลูกค้า เราคงไม่ได้มาไกลขนาดนี้”
อู๋เล่าว่า เขากับเพื่อนสนิท คือ จิรายุทธ ภูวพูนผล หรือ “โจ้” เป็นลูกหลานเกษตรกรในเมืองเชียงใหม่ วันหนึ่งมีโอกาสไปทัศนศึกษาที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกิดความสนใจอยากผสมผสานเกษตรสมัยใหม่กับเกษตรแบบดั้งเดิมและเกิดแรงบันดาลใจที่จะลงทุนทำธุรกิจการเกษตรร่วมกัน
พอจบมัธยมปลาย จิรายุทธตัดสินใจเข้าศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในวิชาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน พอจบปริญญาตรี มาร่วมมือกับชลากร เพื่อปลูกผักออแกนิกแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดศัตรูพืช คำนึงถึงผืนดิน ผลิตผล ระบบนิเวศ ครอบครัว และชุมชน
ทั้งสองคนเริ่มปลูกผักสวนครัวทั่วไปและผักสลัดบนพื้นที่ปลูกขนาดเล็กๆ นำผลผลิตไปประกอบอาหารกินกันในครอบครัว เพราะอยากให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ไม่รับสารพิษและสารเคมีตกค้าง ก่อนได้เพื่อนร่วมหุ้นอีกคน คือ วรเดช สุชัยบุญศิริ หรือ “ต้อง” ซึ่งจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีความรู้ด้านเครื่องจักรและวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ประสิทธิภาพสูง เพื่อเร่งกำลังผลิต
“พวกเราสร้างโรงเรือนขนาดเล็ก พื้นที่ 6 x 30 เมตร ปลูกผักสวนครัว และผักสลัด แต่ช่วงฤดูฝนของปี 2553 เจออุทกภัยครั้งใหญ่ โรงเรือนเสียหาย ต้องหยุดการเพาะปลูก ซ่อมแซมจนกลับมาปลูกผลผลิตได้ใหม่ แต่ปี 2554 เจอกับวิกฤตน้ำท่วมชนิดโรงเรือนล้มระเนระนาดอีก แต่ไม่ยอมแพ้ ตัดสินใจก่อสร้างโรงเรือนขึ้นใหม่อีก 2 หลัง ใช้วัสดุทั้งไม้สักและเหล็ก แข็งแรงมากขึ้น”
ขณะเดียวกัน ชลากรตัดสินใจสร้างคาเฟ่เล็กๆ ในเชียงใหม่ เน้นเมนูสลัดผักออแกนิกเสิร์ฟคู่กับน้ำสลัดโฮมเมด สูตรคุณแม่ รวมถึงเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟและชาออแกนิก โดยตั้งคอนเซ็ปต์ From farm to table เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 เพราะเกิดความคิดทุกครั้งเวลาไปตลาด จะซื้อผักคะน้าให้แม่รับประทาน จะมั่นใจได้อย่างไรว่าผักคะน้าไม่ได้ใส่ยา ซื้อข้าวสาร จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ไม่ได้ถูกฉาบไซยาไนด์กันมอด คิดถึงแม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของครอบครัว อยากให้แม่มีสุขภาพดี อยู่กับลูกๆ ไปนานๆ ผักที่ปลูกแรกๆ จึงเป็นผักทั่วไป นำมารับประทานกันในบ้านก่อนมาปลูกผักสลัด ก่อนมาเริ่มทำธุรกิจ เปิดบริษัทใช้ชื่อ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ เป็นสโลแกน เป็นคอนเซ็ปต์หลัก มองลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว
ส่วนชื่อ “โอ้กะจู๋” มาจากคำผวน “อู๋กะโจ้” และกลายเป็นกิมมิกที่ทุกคนฟังแล้วสะดุดหูทุกครั้ง
ปี 2560 บริษัทเริ่มขยายสาขามายังกรุงเทพฯ ที่สยามสแควร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างมาก
ปี 2564 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ตัดสินใจเข้าลงทุนกับบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด บริษัทย่อยของ OR ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการขยายธุรกิจ และในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 หุ้นบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม.