วันจันทร์, กรกฎาคม 14, 2025
Home > Cover Story > เจาะกลยุทธ์ HER HYNESS คลีนบิวตี้แบรนด์ไทยระดับพันล้าน

เจาะกลยุทธ์ HER HYNESS คลีนบิวตี้แบรนด์ไทยระดับพันล้าน

“ตอนนั้นผิวมีปัญหามีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากสกินแคร์ที่เราใช้ ซึ่งกระทบกับการใช้ชีวิตมาก ไม่สามารถไปไหนได้ โดนแดดก็แพ้ เหงื่อตัวเองก็แพ้ จนเรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง” กัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ HER HYNESS (เฮอ ไฮเนส) เจ้าของมาส์กสีดำในตำนานและแบรนด์คลีนบิวตี้ที่สร้างรายได้ระดับพันล้าน ในระยะเวลาเพียง 8 ปี ท่ามกลางธุรกิจความงามที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด

กัญญฉัชฌ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ แบรนด์ HER HYNESS เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นไว้อย่างน่าสนใจว่า แบรนด์ HER HYNESS มีจุดตั้งต้นมาจากประสบการณ์ตรงด้านปัญหาสุขภาพผิวของตัวเธอเอง ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากสารเคมีในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้เป็นเวลานาน โดยที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาผิวหน้าอย่างถูกต้อง ทำให้ผิวหน้ามีปัญหาและกระทบการใช้ชีวิต ขนาดที่เธอถึงกับบอกว่า “ถ้าไม่หาย ก็ขอตายดีกว่า”

“เราเป็นลูกคนจีนแต่ผิวคล้ำที่สุดในบ้าน เรื่องของเรื่องคืออยากขาว เลยพยายามไปใช้นู่นใช้นี่ที่ทำให้ผิวขาวดูดี ตอนนั้นก็ไม่ได้มีความรู้มากมาย ซึ่งมันทำให้ผิวไหม้ สภาพผิวแย่มาก กระทบกับการใช้ชีวิต ทำให้เราไม่สามารถไปไหนได้ จะไปทะเลก็ต้องออกไปช่วงเย็นๆ เหงื่อตัวเองก็แพ้ โดนแดดก็คันยิบ ทาครีมใดๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ ต้องล้างหน้าด้วยน้ำต้มสุก พึ่งหมอและกินยาแก้แพ้ตลอดเวลา อยู่แต่ในบ้านถึง 6 เดือน ถึงขั้น depress และโทรไปหาเพื่อนสนิทบอกว่า ถ้าไม่หาย เราขอตายดีกว่า”

จากปัญหาสุขภาพผิวที่เกิดขึ้น ทำให้กัญญฉัชฌ์คิดว่าต้องทำอะไรบางอย่าง และคำที่ผุดขึ้นมา ณ เวลานั้น คือคำว่า “Sustainable Beauty” ความงามที่ไม่ทำร้ายผิว ไม่เกิดผลข้างเคียง ประกอบกับตัวเธอเองทำงานในบริษัทด้านความงามยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง L’Oréal และ Estée Lauder Companies ทั้งในสิงคโปร์  ไทย และจีน สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจความงามตั้งแต่การพัฒนาสินค้าไปจนถึงการตลาด เป็นระยะเวลามากกว่า 7 ปี ทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาสร้างแบรนด์สกินแคร์เป็นของตัวเองในชื่อ HER HYNESS

HER HYNESS แบรนด์นี้ไม่ได้มีแค่ HER กับทีมผู้ก่อตั้งระดับหัวกะทิ

แบรนด์ HER HYNESS ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 ในฐานะสกินแคร์ที่เป็นคลีนบิวตี้ ให้ผลจริงและไม่ทำลายผิว ซึ่งนอกจากกัญญฉัชฌ์แล้วยังมีผู้ร่วมก่อตั้งอีก 2 คนที่เรียกได้ว่าเป็นระดับหัวกะทิและมีประสบการณ์ทำงานในบริษัทระดับโลกมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “เจฟ เลิศธนไพบูลย์” ดีกรี MBA จาก Wharton School, University of Pennsylvania และ Industrial Engineering จาก Northwestern University และเคยร่วมงานกับ Goldman Sachs วาณิชธนกิจชั้นนำของโลกในตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงินทั้งในนิวยอร์กและฮ่องกง โดยปัจจุบันเจฟนั่งในตำแหน่ง Managing Director ของ HER HYNESS

ปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์ Managing Director ของ HER HYNESS อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง จบการศึกษา MBA จาก Kellogg School of Management และ Electrical Engineering จาก Cornell University มีประสบการณ์ทำงานในสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Merrill Lynch, Citi และ Robert Baird ที่ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน

ส่วนกัญญฉัชฌ์นอกจากมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทด้านความงามระดับโลกแล้ว ด้านประวัติการศึกษาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน โดยเธอจบการศึกษาจาก McGill University, BBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ MBA จาก Harvard Business School  โดยได้รับทุน Fulbright อีกด้วย

โดยทั้ง 3 ผู้ร่วมก่อตั้งได้นำความรู้และประสบการณ์จากองค์กรระดับโลกมาพัฒนาองค์กรและผลิตภัณฑ์บนพื้นฐานของมาตรฐานสากล (Global Standard) และแนวคิดแบบ Global Mindset โดยถ่ายทอดแนวทางการทำงานที่เน้นวัฒนธรรมองค์กรระดับโลก ควบคู่ไปกับการปรับใช้ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย พร้อมขับเคลื่อนด้วยทีมงานที่ล้วนผ่านประสบการณ์จากบริษัทชั้นนำระดับโลก ภายใต้แนวคิดหลัก “Think Global, Act Local”

“ตอนแรกจะตั้งชื่อแบรนด์ว่า HER HIGHNESS เพราะตอนหน้าพังมีคนแนะนำให้กินนมผึ้งหรือ Royal Jelly ที่มีสรรพคุณในการฟื้นฟูผิว เพราะฉะนั้นสินค้าชุดแรกเลยมีนมผึ้งเป็นส่วนประกอบ แต่พอมาดูแบรนดิ้งเลยเปลี่ยนเป็น HER HYNESS มาจาก Hydration ความชุ่มชื้นซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของผิวที่แข็งแรง และ Hygiene หรือสุขอนามัย ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ของ HER HYNESS ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงที่ใช้ แต่ผู้ชายก็ใช้ด้วยเช่นกัน” กัญญฉัชฌ์เผยถึงที่มาของชื่อแบรนด์ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมให้เราเห็นภาพของแบรนด์ได้ชัดขึ้นว่า

หัวใจสำคัญของ HER HYNESS คือ Clinically-proven clean beauty คลีนบิวตี้สกินแคร์ประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการพิสูจน์ทางคลินิก สำหรับคนผิวแพ้ง่ายเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงและสวยงามอย่างยั่งยืน (Sustainable Beauty) ปราศจากสารเคมีอันตรายกว่า 2,100 ชนิด ตามมาตรฐานยุโรป ด้วยคุณภาพและจุดแข็ง นั่นทำให้ HER HYNESS ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเป็นลำดับในลักษณะปากต่อปาก และไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย แต่ดังไกลไปถึงต่างประเทศ แม้จะวางจำหน่ายเฉพาะในเมืองไทยและไม่ได้มีการทำการตลาดจริงจังนักก็ตาม

“เดี๋ยวนี้คนต้องการอะไรที่ฉาบฉวย อยากสวยไว แต่บางทีอาจลืมคิดไปว่า สวยไวแล้วผลลัพธ์หลังจากนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราอยากทำให้ทุกคนมีผิวที่ดีที่สุด ในแบบของเขา โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ จึงก่อให้เกิดเป็น Clinically-proven clean beauty สกินแคร์ที่ไม่ไปรบกวนปราการป้องกันผิว เราให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตั้งแต่ต้น และให้คุณภาพของสินค้าเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภครักและบอกต่อ ทำให้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา HER HYNESS มีการเติบโตมาถึงระดับยอดขายพันล้าน ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ห้างร้าน และสื่อชั้นนำต่างๆ ทั้งเรื่องยอดขายและคุณภาพ และเรามีเป้าหมายที่จะเป็น 1 ในแบรนด์ไทยที่มีการเติบโตไปถึงระดับโกลบอล”

ปัจจุบัน HER HYNESS มีผลิตภัณฑ์รวมกว่า 30 SKU แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กันแดด, เซรั่มและครีมบำรุง, มาส์ก, และเครื่องสำอาง โดยมีครีมกันแดดและมาส์กดำในตำนานเป็นฮีโร่โปรดักส์ ด้านผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลังของบริษัท เมซัน รอเยล จำกัด เจ้าของแบรนด์ HER HYNESS จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจและการค้า พบว่า ปี 2564 รายได้สุทธิ 108,691,488 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,982,929 บาท, ปี 2565 รายได้สุทธิ 227,065,674 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,520,781 บาท, ปี 2566 รายได้สุทธิ 459,538,675 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,790,987 บาท ขณะที่ในปี 2567 รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เติบโตถึง 90%

5 กลยุทธ์ ดัน HER HYNESS สู่แบรนด์คลีนบิวตี้ระดับพันล้าน

โดย ปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ HER HYNESS ประสบความสำเร็จสู่การเป็นแบรนด์คลีนบิวตี้ระดับพันล้าน มาจาก 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยการวาง Brand Position ที่เอื้อต่อการเติบโตระยะยาวและระดับโลก โดย HER HYNESS เลือกวาง Brand Position เป็น “Clinically proven clean beauty” มาตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากการที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมความงามระดับโลกมาก่อนของผู้ก่อตั้ง ทำให้มองเห็นเทรนด์ความงามที่จะเติบโตในระยะยาว

สอดรับกับรายงานจาก Euromonitor ที่เปิดเผยว่า ปี 2568 เทรนด์ความงามแบบ “การผ่านการทดสอบมาตรฐานคลินิก” และ “คลีนบิวตี้” มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการผ่านการทดสอบมาตรฐานคลินิกเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2562 เป็น 18% ในปี 2566 และให้ความสำคัญกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2562 เป็น 18% ในปี 2566

2. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วย “วิชาทำเกิน” ทุ่มเกินมาตรฐานเพื่อให้ได้ของที่ดีจริง แบรนด์ให้ความสำคัญกับกระบวนการวิจัยและพัฒนา โดยผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะใช้เวลาอย่างต่ำ 12 เดือน และมีการทดสอบมากกว่า 40–50สูตร ก่อนจะสรุปออกเป็นสูตรจำหน่ายจริง ซึ่งทุกชิ้นผ่านการทดสอบจากแล็บที่ได้รับมาตรฐานทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย

3. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ ปัจจุบัน HER HYNESS วางขายในทุกแพลตฟอร์มและร้านบิวตี้สโตร์ชั้นนำทั่วประเทศ และบริหารพอร์ตโฟลิโอ ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ให้สมดุล เป้าหมายคือ “ลูกค้าอยู่ตรงไหน ต้องเจอเราอยู่ตรงนั้น”

4. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยลูกค้าตัวจริง (Fan-Driven Growth) ปิยะภาพเผยว่า 5 ปีแรกของ HER HYNESS แทบจะไม่ได้ทำการตลาดเลย ทุกอย่างเป็นออแกนิก ปากต่อปาก ซึ่ง HER HYNESS เชื่อในพลังของ “ลูกค้าตัวจริง” คอนเทนต์ที่พูดถึงแบรนด์มาจากรีวิว แชต และโพสต์จากผู้ใช้จริงทั้งลูกค้าในประเทศไทยและลูกค้าต่างชาติ ซึ่งรวมถึง Influencer ระดับโลก ที่เลือกใช้ด้วยตัวเอง ทำให้แบรนด์เติบโตบนความน่าเชื่อถือจากประสบการณ์จริง

5. ขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยทีมงานที่มี Global Mindset ดังที่กล่าวไปข้างต้น HER HYNESS เป็นแบรนด์ความงามที่ก่อตั้งโดยทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ล้วนมีประสบการณ์การศึกษาและการทำงานในองค์กรชั้นนำระดับโลกจากต่างประเทศ และใช้ประสบการณ์เหล่านั้นในการผลักดันแบรนด์ให้เติบโต

ด้าน เจฟ เลิศธนไพบูลย์ กล่าวว่ายอดขายระดับพันล้านเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของแบรนด์เท่านั้น หลังจากนี้จะเดินหน้าพัฒนาสินค้าและขยายตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ สำหรับทิศทางในปีนี้จะเน้นขยายพอร์ตฯ ครีมกันแดดหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของแบรนด์ให้เติบโตมากกว่า 100% เพื่อชิงมาร์เกตแชร์ของตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดในประเทศไทยที่มีมูลค่าราวๆ 6.1 พันล้านบาท มีการเติบโตกว่า 7% จากปี 2564-2567 และมีการคาดการณ์ว่าตลาดจะโตถึง 7.5 พันล้านบาท ในปี 2570 อีกด้วย

โดยล่าสุด HER HYNESS เดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์กันแดดตัวใหม่ “UV Adapt Hya Water Sunscreen SPF50+ PA++++” ที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการครีมกันแดด ชูจุดขาย Smart UV Adapt™ เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ HER HYNESS ที่ออกแบบให้ผิวสามารถปกป้องตัวเองจากรังสี UV ได้ดีขึ้น ซึ่งผ่านการทดสอบทั้ง in vitro และ in vivo ใน 4 ห้องแล็บมาตรฐานสากล และเป็นสูตรที่ปลอดภัยต่อผิวแพ้ง่าย ไม่มีสารระคายเคืองกว่า 18 ชนิด พร้อมเนื้อสัมผัสแบบที่บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ ปกป้องผิวจากทั้ง UVA1, UVA2, UVB, Blue Light และ ฝุ่น PM2.5 พร้อมทั้งต่อยอดการสื่อสารแบรนด์ด้วยการเปิดตัว ‘หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกที่ไม่ใช่แค่การเพิ่มสีสันให้กับแคมเปญ แต่เป็นการยกระดับการสื่อสารแบรนด์ให้ชัดเจนขึ้นในมิติที่แบรนด์ไม่เคยทำมาก่อน และถือเป็นการทำการตลาดอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อปี 2559

“แคมเปญนี้คือจุดเปลี่ยนของ HER HYNESS ในการขยับจากแบรนด์ที่เติบโตจากคุณภาพสินค้า สู่การสร้างบทสนทนากับคนยุคใหม่ในวงกว้าง” กัญญฉัชฌ์กล่าว พร้อมให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า

ขณะนี้แบรนด์อยู่ระหว่างการศึกษาและหาพันธมิตรในการรุกตลาดต่างประเทศทั้งเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติม จากที่เคยวางจำหน่ายเฉพาะในเมืองไทย และมั่นใจว่าจะสามารถรุกตลาดต่างประเทศได้ก่อนสิ้นปี 2568 โดยตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปีนี้อยู่ที่ 40%

ซึ่งหลังจากนี้ตลาดความงามน่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของ HER HYNESS ออกมาให้เห็นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน.