วันเสาร์, กรกฎาคม 12, 2025
Home > New&Trend > ชาบูชิ รีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ เปิดตัว “สกาย – นานิ” พรีเซนเตอร์คู่แรกของแบรนด์ เจาะกลุ่มยังเจนฯ

ชาบูชิ รีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ เปิดตัว “สกาย – นานิ” พรีเซนเตอร์คู่แรกของแบรนด์ เจาะกลุ่มยังเจนฯ

“ชาบูชิ” (Shabushi) ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิ ภายใต้กลุ่มธุรกิจอาหารในเครือไทยเบฟ ประกาศรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบกว่า 20 ปี เปิดตัวพรีเซนเตอร์คู่แรกของแบรนด์ “สกาย” วงศ์รวี นทีธร และ “นานิ” หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ พร้อมแคมเปญ “ชาบูชิ x สกาย – นานิ: ALL YOU CAN กรี๊ด ฟินสุดกรี๊ด ยิ่งอีทยิ่งฟิน” เจาะกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น ที่มองหาประสบการณ์มากกว่าเพียงความอิ่มอร่อย

ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา “ชาบูชิ” ได้สร้างการรับรู้ในฐานะร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำตลาดบุฟเฟต์ชาบู – ชาบู และซูชิ ด้วยคอนเซ็ปต์การเสิร์ฟอาหารบนสายพานเป็นรายแรก ๆ และจำนวนสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ หรือกว่า 200 แห่ง จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่ในวันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น การ “ยกเครื่องแบรนด์” จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ “ชาบูชิ” สามารถเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน จนนำไปสู่การรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในครั้งนี้

ธุรกิจร้านอาหารในยุคเปลี่ยนผ่าน: เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยน แบรนด์ต้องเร็วกว่า

ภายใต้แผนงาน PASSION 2030 กลุ่มธุรกิจอาหารในเครือไทยเบฟ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการขยายฐานลูกค้าใหม่ ควบคู่กับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบัน โดยมีการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลผู้บริโภคมาขับเคลื่อนแบรนด์ให้สามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการสร้างแบรนด์แห่งอนาคต

แซม ไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกิจร้านอาหารจำเป็นต้องปรับตัวให้เร็วกว่า ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่ใช่แค่การตอบสนอง แต่ต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าให้ได้ ผ่านแบรนด์ที่มีบุคลิก มีอารมณ์ร่วม และมีความเข้าใจอย่างแท้จริง ภายใต้ PASSION 2030 ‘ไทยเบฟ’ มุ่งเสริมศักยภาพให้แบรนด์ในเครือเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะแบรนด์ยุทธศาสตร์อย่าง ‘ชาบูชิ’ ซึ่งเรามองว่า เป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพสูงในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ที่สดใหม่ สนุก และพร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราไม่ได้เพียงส่งเสริมให้แบรนด์เติบโตทางธุรกิจ แต่ยังสนับสนุนให้เติบโตในใจผู้บริโภค ด้วยวิธีคิดใหม่ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ภาพจำของผู้บริโภคต่อชาบูชิ คือ ‘สายพาน’ เราจะนำตรงนั้นมาใส่ลูกเล่นให้สดใสมากขึ้น”

รีเฟรชแบรนด์ “ชาบูชิ” เพื่อคนรุ่นใหม่ สร้าง Social Bonding

การรีเฟรชแบรนด์ “ชาบูชิ” ในครั้งนี้ ถือเป็นการเดินหน้าทำความเข้าใจและเชื่อมต่อกับผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยยึดหลักที่ว่า ร้านอาหารในวันนี้ไม่ได้ขายแค่อาหาร แต่คือพื้นที่ของความสัมพันธ์และการสร้างคุณค่าร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค หรือ Social Bonding พร้อม Brand Concept ใหม่ “Good Taste Great Time Never End….รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด”

ศสัย ตังเดชะหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์ที่อยู่มานานไม่จำเป็นต้องแก่ แต่ต้องกล้าพอที่จะเปลี่ยนไปพร้อมผู้บริโภค ในฐานะแบรนด์/ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่กับคนไทยมานานกว่า 20 ปี วันนี้ ‘ชาบูชิ’ ต้องการเป็นมากกว่าความอร่อย เราอยากเข้าไปอยู่ในอารมณ์ ความรู้สึก และความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ ผ่านประสบการณ์ที่เขาอยากเล่า แชร์ และกลับมาอีก การรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนภาพลักษณ์ แต่เป็นการปรับวิธีคิดจากข้างใน พร้อมออกแบบประสบการณ์ใหม่ให้เชื่อมโยงกับพฤติกรรมจริงของผู้บริโภค ด้วยความเชื่อว่า ร้านอาหารยุคนี้ไม่ได้ขายแค่อาหาร แต่คือแพลตฟอร์มที่สร้างความรู้สึกร่วม และสร้างคุณค่าให้กับทุกโมเมนต์ของลูกค้าได้จริงๆ”

“สกายนานิ” คู่ฮอตแห่งปี พรีเซนเตอร์คู่แรกของแบรนด์

โดยไฮไลต์สำคัญของการรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ คือ การเปิดตัวพรีเซนเตอร์คู่แรกของแบรนด์ ได้แก่ “สกาย” วงศ์รวี นทีธร และ “นานิ” หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ ซึ่งเป็นตัวแทนของความสดใส มิตรภาพ และพลังบวก ในแบบที่ผู้บริโภครุ่นใหม่สามารถเชื่อมโยงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่รวมความแตกต่างแต่ลงตัว ทั้งชาบู – ชาบู และซูชิ สองรสชาติ และช่วยยกระดับแบรนด์ให้ดูเข้าถึงง่ายแต่มีเสน่ห์ เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มแฟนคลับที่มีอิทธิพลต่อเทรนด์ในโซเชียล

เสริมย้ำด้วยกลยุทธ์การตลาดภายใต้แนวคิด Emotional Experience โดยดึงจุดแข็งและแนวคิดหลักของแบรนด์ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” (Good Taste Great Time Never End) มาพัฒนาต่อยอดสู่ประสบการณ์ที่เชื่อมโยงทั้งอารมณ์และความฟิน ผ่านแคมเปญ “All You Can กรี๊ด” เน้นความเป็นตัวตนของแบรนด์  ผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่  Quality – Creativity – Great Moment (engagement)

  • Shabushi All-star Series: ความอร่อยไม่สิ้นสุดจากเมนูชาบู ชาบู บนสายพาน ที่คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบคุณภาพและเพรีเมียม (Quality)
  • Shabushi Sushi-master Series: ความหลากหลายของเมนูซูชิที่ผ่านการคิดสร้างสรรค์จากเชฟชั้นนำ เพื่อยกระดับความฟินกว่าที่เคย (Creativity)
  • Shabushi Great Moment: เสริมความประทับใจด้วยบริการที่อบอุ่น และกิจกรรมในร้านที่สร้างโมเมนต์สนุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกมื้อไม่ใช่แค่กิน…แต่คือความรู้สึกดี ๆ ที่น่าจดจำและอยากกลับมาอีก (Engagement)

สำหรับแคมเปญ “ชาบูชิ x สกาย – นานิ: ALL YOU CAN กรี๊ด ฟินสุดกรี๊ด ยิ่งอีทยิ่งฟิน” นั้น ศสัย เปิดเผยว่า  เป็นแคมเปญที่ “ชาบูชิ” ตั้งใจจัดขึ้นให้กับลูกค้าของชาบูชิ ทั้งกลุ่มปัจจุบัน และกลุ่มใหม่ๆ ด้วยการโปรโมทผ่านสื่อทุกช่องทาง เพื่อเชิญชวนให้ร่วมติดตามกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นพิเศษที่จะทยอยปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าตลอดการจัดแคมเปญนี้ จะสามารถปลุกกระแสตลาดร้านอาหารชาบู ชาบู ให้กลับมาคึกคัก และสร้างการรับรู้และจดจำ และทำให้แบรนด์ชาบูชิเป็น Top of Mind ในใจของผู้บริโภค

เพื่อให้แคมเปญเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบรนด์ได้วางแผนการสื่อสารแบบครบวงจร ผ่านเครื่องมือที่หลากหลาย ทั้งการจัดงานแถลงข่าวในรูปแบบกึ่งแฟนมีต การผลิตภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ที่มี “สกาย – นานิ” ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว และส่งต่อ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” ไปจนถึงการปล่อยเพลงธีมพิเศษ ที่เชิญแฟน ๆ ร่วมสนุกไปกับจังหวะสดใสแบบฉบับ ชาบูชิ โดยสามารถติดตามคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ผ่านช่องทางสื่อโซเชียล และสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) ที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักทั่วประเทศ

ปัจจุบัน ชาบูชิมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 190 สาขา ทั่วประเทศ โดยในปีนี้เปิดใหม่เพิ่มมากกว่า 10 สาขา และจะเปิดเพิ่มอีก 10 สาขาในปี 2569 อีกทั้งยังมีการปรับโฉมชาบูชิสาขาซีคอน ศรีนครินทร์ ใหม่ให้ดูทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายเดือนมิถุนายน 2568 ทั้งนี้ชาบูชิถือเป็นพอร์ตฯ ใหญ่ในธุรกิจอาหารของบริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด ด้วยสัดส่วนรายได้มากถึง 80%

ที่สำคัญ หลังจากนี้เราจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ในเครือโออิชิตามมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค