ภาษา ทักษะที่เมื่อได้เรียนรู้แล้วจะไม่มีวันลืมไปง่ายๆ และยังมีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิต ทั้งการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เพิ่มโอกาสในการเรียน การทำงาน แต่ก็ต้องบอกว่าการเรียนภาษาต่างประเทศ ยังมีอุปสรรคอยู่บ้าง โดยเฉพาะการสร้างความมั่นใจในการพูดด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ สำเนียง ความรู้ด้านคำศัพท์
อุปสรรคต่อการเรียนรู้ภาษาที่สอง จะลดลงเมื่อได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ตามคำนิยามของ ครูลูกกอล์ฟ คณาธิป สุนทรรักษ์ และสถานที่ที่ตอบโจทย์อย่าง Angkriz สถาบันสอนภาษาที่เกิดจากแนวความคิดที่อยากให้มีพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ทักษะด้านภาษา โดยที่จะไม่ถูกตัดสิน
“สมัยเป็นนิสิตจุฬา ลูกกอล์ฟเริ่มรับงานสอนภาษาอังกฤษ แต่ก่อนจะสอนตามร้านกาแฟ พอใกล้จบก็คิดถึงว่าเราควรทำโรงเรียนดีไหม นักเรียนที่เราสอนก็เสนอชื่อโรงเรียน มีทั้ง เกย์สอน ก็แปลตรงตัวเลยว่า เกย์ เป็นคนสอน กับอีกคำคือ Angkriz ซึ่งมาจากคำว่า อังกฤษ ซึ่งภาษาอังกฤษมีคำว่า Anglicise ที่แปลว่าทำให้เป็นภาษาอังกฤษ
เราโน้ตคำว่า Angkriz ไว้ตั้งแต่ตอนที่เราเป็นนิสิต หลังจากที่เรียนจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ ก็เลยตัดสินใจเปิด Angkriz ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Don’t judge a book by its coverอย่าตัดสินหนังสือที่หน้าปก’ เราเป็นสถาบันที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้นักเรียนจริงๆ” คณาธิป สุนทรรักษ์ ผู้ก่อตั้งสถาบัน Angkriz เล่าถึงเหตุผลการตัดสินใจเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษ
จนถึงปัจจุบัน Angkriz ถูกใช้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษมา 15 ปี เมื่อถามว่านอกจากความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษแล้ว ครูลูกกอล์ฟสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
“นักเรียนที่เรียนจบไปแล้วเมื่อกลับมา เขาตอบว่า เราให้พื้นที่ปลอดภัยกับเขา แต่คำถามคือ ทำไมมันถึงสำคัญ หากย้อนกลับไปตอนเด็กเราไม่มีพื้นที่ปลอดภัย ถ้าคุณได้เรียนในโรงเรียนราคาแพงๆ แบบโรงเรียนอินเตอร์ อาจจะไม่ได้มีปัญหาในเรื่องพื้นที่ปลอดภัย ห้องเรียนที่นั่นอาจจะไม่มีการล้อ บูลลี่ในห้องเรียน หรือมีแต่อาจจะน้อย แต่โรงเรียนทั่วไปอาจทำให้คุณไม่กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้ายกมือ นี่เป็นสิ่งที่ Angkriz พยายามจะเปลี่ยนมาตั้งแต่ที่เราเริ่มมีโรงเรียนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ในสเกลของพื้นที่อย่างโรงเรียนสอนภาษา”
“ห้องเรียนของ Angkriz ผนังห้องจะมีภาพสิงสาราสัตว์ เต็มไปหมด และมีคำว่า Angkriztopia เราเอาคำว่า Angkriz มารวมกับคำว่า Eutopia คือ นักเรียนที่ได้มาเรียนในห้องนี้จะเป็นใครก็ได้ เป็นอะไรก็ได้ แต่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กันและกัน ทั้งการยกมือถามอาจารย์ หรือชาเลนจ์ผู้สอนได้ โดยที่จะไม่ถูกมองว่า นักเรียนคนนี้กล้าท้าทายครู หรือเป็นเด็กก้าวร้าว ดังนั้น ถ้าการทำให้เด็กรู้สึกกล้าพูดเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่การเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าเด็กไม่มีความรู้สึกปลอดภัย ก็ไม่กล้าพูดแม้แต่ภาษาไทย”
การเรียนไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในโรงเรียนหรือสถาบัน แต่สิ่งที่ครูลูกกอล์ฟทำคือความพยายามที่จะแชร์ความรู้ภาษาอังกฤษออกไปนอกห้องเรียน เพราะมองว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงรูปแบบการเรียนภาษาอังกฤษได้
“ลูกกอล์ฟพยายามที่จะแชร์ความรู้ภาษาอังกฤษให้แก่คนที่มาเรียนกับเราไม่ได้ ราคาคอร์สเรียนภาษาไม่ว่าจะสี่พัน ห้าพัน สำหรับบางคนอาจจะมองว่าไม่แพงกับสิ่งที่จะได้รับ แต่กับบางคนอาจจะยังมองว่าแพง เรามองหาโอกาสที่จะเข้าถึงกลุ่มคนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเราได้ ด้วยการออนทัวร์ไปสอนภาษาให้ฟรีในต่างจังหวัดในช่วงก่อนโควิด นอกจากนี้ยังมี English Room ที่เราทำมาเกือบ 4 ปี ถ้าวัดอิมแพ็กจากสิ่งเหล่านี้คงประเมินเองไม่ได้ แต่เรามักจะได้รับฟีดแบ็กกลับมาในวันที่นักเรียนเหล่านั้นโตขึ้น และรู้สึกขอบคุณกิจกรรมเหล่านี้ ต้องให้คนที่เคยเรียนกับเราไม่ว่าจะรูปแบบไหน ประเมินว่าเราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้นบ้าง”
โรงเรียนหรือสถาบันสอนภาษาหลายแห่งมักจะเปิดรับนักเรียนในทุกช่วงวัย แต่ที่ Angkriz กลับไม่ใช่แบบนั้น เมื่อกลุ่มเป้าหมายหลักคือ นักเรียนในวัยมัธยมปลาย และเหตุผลที่ผู้ก่อตั้งสถาบันให้ไว้น่าสนใจไม่น้อย เพราะมองว่า นักเรียน ม.ปลาย มีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตัวเอง แตกต่างจากนักเรียนชั้น ม. ต้น หรือประถมวัย
“เป้าหมายหลักคือ นักเรียนมัธยมปลาย แต่ไม่ได้หมายความว่า เราสอนมัธยมต้น ประถมไม่ได้ เราเคยเปิดสอน แต่เคยเจอเด็กที่โดนบังคับมาเรียนมากเกินไป นักเรียน ม. ต้นบางคนอาจจะยังไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ยังเป็นช่วงวัยที่ผู้ปกครองตัดสินใจให้ ขณะที่นักเรียน ม. ปลาย เมื่อถามว่าทำไมถึงเลือกมาเรียนที่นี่ เขาจะมีคำตอบ เช่น อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ อยากเก่งภาษา อยากเจอครูลูกกอล์ฟ แต่เด็ก ม. ต้น บางคนยังไม่รู้เหตุผลในการมาเรียนภาษา นอกจากนี้ ภาษาในการสอน เด็กประถม ม. ต้น และ ม. ปลาย จะแตกต่างกัน เราต้องเพิ่มความระมัดระวังคำพูด”
ถึงกระนั้น Angkriz ก็ยังไม่ปิดกั้นนักเรียนทั้งสองช่วงวัย เพราะมีเด็กบางคนที่ขอให้ผู้ปกครองสมัครให้ ซึ่งครูลูกกอล์ฟต้องรีบติดต่อผู้ปกครองทันทีที่จบ Session เพื่อขอฟีดแบ็กและสอบถามถึงเหตุผลที่สมัครเรียน “เราได้คำตอบจากผู้ปกครองว่า น้องเป็นคนตัดสินใจและขอให้สมัครเรียนให้”
โควิดตัวการสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะกับเรื่องของธุรกิจ แม้แต่โรงเรียนสอนภาษาก็เช่นกัน เป็นที่เข้าใจกันว่า การเรียนภาษาจำเป็นที่จะต้องเรียนแบบออนไซต์ เพราะการสื่อสารแบบสองทางเป็นสิ่งจำเป็นในการเรียนรู้ทักษะด้านภาษา แม้แต่ที่ Angkriz เองก็ถูกดิสรัปต์เช่นกัน
“ก่อนที่โลกจะเจอกับโควิด เราสอนออนไซต์เป็นหลัก ในขณะนั้นการเรียนออนไลน์ยังเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว เพราะยังไม่มีโปรแกรม Zoom พอโควิดมากลายเป็นตัวบังคับให้เราต้องวิวัฒนาการ เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เราคงไม่สามารถกลับไปโลกแบบเดิมได้ ออนไซต์ก็ยังอยู่ แต่ออนไลน์ยังต้องพัฒนาให้มันพิเศษ ดังนั้น หลักสูตรออนไลน์ของเราจึงปรับให้เป็น Life Long Adventure หมายความว่า หลักสูตรไม่ได้จบแค่การเรียนออนไลน์ เพราะทุกสัปดาห์เราจะจัด Work shop ที่เป็น Live ผ่าน Zoom แต่เราเข้าใจธรรมชาติของความต้องการที่แตกต่างกัน บางคนชอบที่จะฟัง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เข้าใจ บางคนชอบที่จะเรียนรู้ด้วยภาพ บางคนชอบเรียนรู้จากการปฏิบัติ ดังนั้น เราจึงออกแบบห้องเรียนออนไลน์ที่มีความไฮบริด เน้นการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ความต้องการ และเหตุผล” ครูลูกกอล์ฟขยายความ
ปัจจุบันคอร์สออนไซต์ Angkriz ผสานความร่วมมือกับสถาบัน Westminster เปิดสอนหลักสูตร IELTS เป็นหลักสูตรหลัก
บทบาทที่ผ่านมาของครูลูกกอล์ฟ นอกจากความเป็นครูในสถาบันสอนภาษาแล้ว ยังเคยทำรายการ Loukgolf’s English Room ที่เคยออกอากาศทางช่อง GMM25, ดีเจใน พุธทอล์ค พุธโทร, พิธีกรรายการถกถาม ทางช่อง YouTube หรือแม้แต่พิธีกรงานอีเวนต์ คำถามคือ ครูลูกกอล์ฟนิยามตัวเองว่าอะไร
“หลายปีมาแล้วที่ไม่เรียกตัวเองว่าเป็นครู นอกจากที่ Angkriz แต่พอเราออกห้องเรียน ลูกกอล์ฟ เป็นนักเรียนของโลก เราอาจจะโดนอีโก้กลืนกิน แต่ปัจจุบันต้องการที่จะหลุดออกมาจากโลกนั้น เพราะเรายังมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ และต้องการที่จะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ‘ฉันไม่รู้’ เป็นที่มาของรอยสักที่ท้องแขนว่า Student of the World เพราะบางครั้งเรามีเรื่องที่ไม่รู้ และสามารถถามหรือขอคำแนะนำจากนักเรียนได้ เพราะเดี๋ยวนี้มีศัพท์อัลฟ่าใหม่ๆ เยอะ”
หลังจากที่สนุกกับการใส่หมวกหลายใบ สวมบทบาทมากมายในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันครูลูกกอล์ฟบอกว่า ไม่กลับไปรับงานอื่นแล้วนอกจากงานที่เกี่ยวข้องกับการให้ความรู้เรื่องภาษา
AI อาจสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนมากมาย เพราะการมาถึงของเทคโนโลยี AI นั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนในหลายแวดวง เมื่อ AI สามารถทำงานแทนแรงงานคนได้หลายอย่าง ไม่เว้นแม้แต่การเรียนภาษา ปัจจุบันแอปพลิเคชันสอนภาษา แปลภาษา ถูกพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการของทุกคน แต่ที่ Angkriz กลับใช้ AI มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนการสอน
“หลายคนกลัว AI เข้ามาแทนที่ แต่ลูกกอล์ฟไม่กลัว อะไรก็ตามที่มนุษย์ยังทำได้ดี AI ก็สู้ไม่ได้ เช่น ระบบซัปพอร์ต แต่พาร์ตที่ AI ทำได้ดี เราก็ไม่สู้ และ ELSA Speak ที่เป็นแอปเรียนภาษาอังกฤษที่ใช้ AI อยู่ใน Top 5 ของโลก สามารถเข้ามาอุดรูรั่วของผู้สอนได้ เป็นเรื่องปกติที่เราจะกลัวอะไรสักอย่างที่จะเข้ามาแทนที่เรา แต่ลูกกอล์ฟไม่อยากกลัว โดยเฉพาะ AI เราจึงเอามาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียน”
“ธุรกิจโรงเรียนสอนภาษา ในปัจจุบันนับว่าอยู่ยาก เราถูกดิสรัปต์ได้ง่ายมาก เห็นได้ว่าเมื่อเข้าไปสู่โลกออนไลน์ ครูสอนภาษาเต็มไปหมด ทุกคนมีคอร์ส ไม่ใช่แค่มนุษย์ แต่รวมถึง AI แต่สำหรับโรงเรียนสอนภาษา ถ้าทุกคนตั้งใจสอน มีความน่าเชื่อถือ มีใจที่จะสอน ทุกคนยังไปได้ ตลาดนี้อาจจะไม่ได้ทำให้ร่ำรวย เพราะมันเลยจุดนั้นไปแล้ว ครูสอนภาษามีเยอะขึ้น นักเรียนมีสิทธิ์เลือกมากขึ้น แต่ทำอย่างไรให้เขาเลือกคุณ ซึ่งมันต้องผ่านการสร้างความน่าเชื่อถือ การรักษามาตรฐานด้านคุณภาพ การซัปพอร์ตยังต้องมี ในเมื่อมีคนเสียเงินมาเรียน แต่เราจะทำอย่างไรให้ผู้เรียนรู้สึกว่าคุ้มค่า และพร้อมจะแนะนำต่อ”
ต้องยอมรับว่า Angkriz มีครูลูกกอล์ฟเป็นจุดขาย ขณะที่เจ้าตัวกลับบอกว่าเคยไม่ชอบลักษณะของ Personal Branding แต่เลือกที่จะไม่หนีจากตัวเอง
“ลูกกอล์ฟ เป็นจุดขายของ Angkriz ล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ก่อนเราไม่ชอบ Personal Branding เราพยายามจะหนี แต่นักเรียนถามหาเมื่อไม่เห็นเรา ดังนั้น เราจึงไม่หนีจากตัวเราเอง เพราะมันมีจุดแข็งอยู่ เราชอบการสอน ชอบคุยกับเด็ก เรายังสนุกกับการได้ให้เวลากับนักเรียน แม้ว่าเราจะไม่ชอบ Personal Branding แต่เราจะนำไปจับมือกับพาร์ตเนอร์อื่นๆ พัฒนาหลักสูตรร่วมกัน และกลยุทธ์ที่เราใช้คือ การผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ใส่ใจฟีดแบ็กของนักเรียน มีระบบซัปพอร์ตที่ดี การทำตลาดแบบตรงไปตรงมา ไม่เน้นฮาร์ดเซลล์”
ก่อนจะเผยมุมมองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันว่า ไม่มีอะไรแน่นอน แม้แต่องค์กร หรือห้างดังที่มีอายุนับร้อยปี ก็หายไปจากโลกธุรกิจได้
“ทุกอย่างจบได้ ห้างดังเป็นร้อยปีก็ไปแล้ว องค์กรอายุร้อยปีก็จากไปแล้ว อยู่นานไม่ได้แปลว่าจะอยู่ไปตลอด Angkriz ก็เช่นกันค่ะ หายได้ นี่คือมุมมองของมนุษย์คนหนึ่ง แต่ถ้าในมุมมองของผู้บริหาร Angkriz จะยังไม่หาย มั่นใจว่าเราดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่มี พร้อมกับยึดมาตรฐานที่มีคุณภาพ ระบบซัปพอร์ต ฟังความคิดผู้อื่น เราจะยังอยู่ได้ นักเรียนที่มาเรียนกับเราเสียเงินมา ต้องได้ความคุ้ม นี่เป็นจุดเด่นของเรา ตราบใดที่เราปฏิบัติกับนักเรียนในแบบนักเรียน ไม่ใช่ลูกค้าร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะแตกต่าง”
เป้าหมายและแผนการดำเนินงานของ Angkriz คือการพัฒนาหลักสูตร คอร์ส ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น คอร์สเกี่ยวกับวิชาชีพ เช่น ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับทนายความ นักบัญชี รวมถึงพัฒนาหลักสูตรกับพาร์ตเนอร์สำคัญ Westminster และสื่อการเรียนการสอน
ก่อนจะทิ้งท้ายบอกเล่าเป้าหมายในชีวิตว่า “การใช้ชีวิตให้มีความสุข ยาก แต่ตอนนี้ทำได้ เรามาไกลมากจากเด็กต่างจังหวัด แต่ทุกวันนี้สามารถมีโรงเรียนสอนภาษา มีทีมที่เก่ง มีชื่อเสียงพอประมาณ และชอบตัวเองในตอนนี้ เพราะเข้าใจแล้วว่าเราตายได้ เราหยุดพักชมวิวได้แล้ว ไม่ต้องมีเยอะ” ครูลูกกอล์ฟ ทิ้งท้าย.