โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้นนอกของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกอย่างโรงพยาบาลนครธน ที่เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์ของครอบครัว “ทองสิมา” และเครือญาติ ในปี พ.ศ. 2536 ที่มองว่า การทำโรงพยาบาลก็เป็นอีกหนึ่งหนทางในการทำบุญ เนื่องจากต้นตระกูลอย่าง “ถนอม” มารดาของ รศ.ญาณเดช ทองสิมา เป็นคนชอบทำบุญ
หลังจากแบ่งปันที่ดินขนาด 500 ไร่ ให้เช่าทำห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม การทำโรงพยาบาลแบบไร้ประสบการณ์ แต่ได้พาร์ตเนอร์อย่างโรงพยาบาลบางโพ ในช่วงแรก กระทั่งโรงพยาบาลนครธนสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2539 ด้วยเงินลงทุน 200-300 ล้านบาท ปัจจุบันโรงพยาบาลนครธนดำเนินธุรกิจและตั้งตระหง่านอยู่บนถนนพระราม 2 มายาวนานเกือบ 30 ปี
จากโรงพยาบาลจำนวน 150 เตียง และการเติบโตแบบออแกนิก ผู้เข้าใช้บริการที่รู้สึกพึงพอใจเป็นเรื่องบอกเล่าปากต่อปาก จนในที่สุดก็ถึงเวลาแห่งความพร้อมที่จะขยายตัว ไปสู่ 2 โครงการใหญ่ โรงพยาบาลนครธน 2 และโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center)
“เราผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง ภาวะดอกเบี้ยแพง น้ำท่วม รวมถึงโรคระบาดโควิด-19 ตอนที่โรงพยาบาลดำเนินกิจการมาได้ในช่วงปีที่ 24-25 ก็เคยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องขยาย แต่เรายังเจียมเนื้อเจียมตัว แม้ว่าเราจะมีศักยภาพในการบริการ สุดท้ายเราต้องมองไปให้ไกลถึงอนาคต แผนการขยายโรงพยาบาลนครธนแห่งที่ 2 จึงเกิดขึ้น” รศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) บอกเล่าให้ “ผู้จัดการ 360 องศา” ฟัง พร้อมขยายความถึงการเติบโตทางธุรกิจที่แม้ไม่เป็นไปตามคาด แต่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
“แม้ว่าผลประกอบการจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะเราเติบโตในการรับรู้ของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ เราเพิ่มการทำการตลาดเชิงรุก ซึ่งทำเลที่ตั้งปัจจุบันใกล้เซ็นทรัลพระราม 2 ใกล้ชุมชนเมืองที่มีการขยายตัวค่อนข้างมาก แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก ประชาชนพยายามรักษาสุขภาพของตัวเอง บางคนซื้อยามากินเอง ใช้สิทธิประกันสังคม ทำให้ประชาชนใช้บริการโรงพยาบาลน้อยลง จะมาใช้ก็ต่อเมื่อวิกฤตจริงๆ”
หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปเมื่อปลายปี 2567 การขยายธุรกิจคือแผนการดำเนินงานสำคัญของบริษัท โรงพยาบาลนครธน โดยโรงพยาบาลแห่งที่ 2 จะตั้งอยู่บนถนนเอกชัย-บางบอน ภายใต้งบลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลขนาด 151 เตียง มีเป้าหมายที่จะรองรับผู้ใช้บริการในกลุ่มคนวัยทำงานในย่านเพชรเกษม บางแค ภาษีเจริญ หนองแขม กระทุ่มแบน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
“เราชูจุดเด่นในด้านมาตรฐานการดูแลระดับสูง ด้วยทำเล ชื่อเสียงที่สะสมมา น่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ประชาชนเลือกมาใช้บริการเรา โรงพยาบาลนครธน 2 จะเป็นโรงพยาบาลขนาด 151 เตียง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 2568โดยในปีแรกจะเปิดให้บริการ 102 เตียง และจะพร้อมให้บริการกลุ่มผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ในปี 2570” รศ.ญาณเดช ขยายความ
ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือttb analytics มองว่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว โดยประเมินว่าปี 2568 สร้างรายได้รวม 3.3 แสนล้านบาท จากจำนวนผู้เข้ารับบริการทางการแพทย์เริ่มอิ่มตัว และแรงกดดันจาก Copayment อาจส่งผลกระทบในระยะยาว หนุนทำธุรกิจเชิงรุกเพิ่มโอกาสสร้างรายได้เพิ่มและขยายฐานตลาดใหม่ๆ
10 ปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยมีความเสี่ยงต่ำและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่ขยายตัวเฉลี่ย 11.6% ต่อปี (2555-2565) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัว โดยในปี 2566 ผลประกอบการหดตัวลง 0.6% และในปี 2567 เติบโตเพียง 4% และเติบโตจากราคาเป็นหลัก จากการวิเคราะห์ผ่านงบการเงินกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ค่าใช้จ่ายบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยนอกต่อครั้งเฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 5-6% ต่อปี
นอกจากโรงพยาบาลนครธน 2 แล้ว อีกหนึ่งโครงการที่ทีมผู้บริหารวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางสังคม โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มรูปแบบ
“จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลนครธนวางกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่เน้นรองรับกลุ่มผู้รับบริการทั่วไปไปยังกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในไทย แต่แน่นอนว่าเรายังพร้อมให้บริการกลุ่มบุคคลทั่วไปที่ต้องการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยเราได้พัฒนาโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center) ที่นี่จะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ซึ่งเป็นบริการพักอาศัยแบบระยะสั้น ระยะยาว และแบบไปเช้า-เย็นกลับ โดยเราจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ผู้สูงวัย ให้บริการดูแลสุขภาพและเสริมสร้างสุขภาพแบบองค์รวม” พญ. ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน อธิบาย
โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่บริเวณซอยพระรามที่ 2 ซอย 56 อยู่ห่างจากโรงพยาบาลนครธนเพียง 350 เมตร งบประมาณลงทุนอยู่ที่ 557 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2569
ผู้ประกอบการในหลายธุรกิจเริ่มลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และยิ่งปัจจุบันไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และยิ่งมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2574 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด หรือ Super-Aging Society สังคมที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด
“หลายโรงพยาบาล หรือผู้ประกอบการในแวดวงอื่นๆ เริ่มให้ความสำคัญการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาได้ง่าย เครื่องมือแพทย์ไม่มีความจำเป็นมากนัก แต่เราก็ยังมองว่า การแข่งขันนี้เรามีจุดแข็ง ด้วยทำเลที่ตั้ง ที่ใกล้ โรงพยาบาลนครธน ที่มีทีมแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมดูแล สถานที่ถูกออกแบบ Healing Enviroment เหมาะสมกับการดูแลผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เรามีบุคลากรทางการแพทย์ในสาขาเฉพาะทาง พร้อมศูนย์บริการแพทย์เฉพาะทางจำนวน 20 ศูนย์ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในการก่อตั้งศูนย์การแพทย์ด้านมะเร็งและกระดูกสันหลัง เป็นการเสริมศักยภาพในการดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิด วัยเด็ก วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุด้วย” พญ. ศิเรมอร ขยายความ
“การลงทุนที่เกิดขึ้นเป็นผลสำเร็จของการระดมทุนหลังจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งนอกจาก 2 โครงการใหญ่ที่กล่าวไปข้างต้น ปีนี้เรายังมีการลงทุนอีกหลายด้าน ได้แก่ ด้านสารสนเทศ 31 ล้านบาท ในการพัฒนา Application แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับธุรกิจโรงพยาบาล แต่เราเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า จึงพัฒนาแอปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ลงทุนในเรื่องเครื่องมือแพทย์ 146 ล้านบาท ลงทุนด้านอาคารสถานที่ 351.37 ล้านบาท ปรับปรุงแผนกผู้ป่วยในชั้น 12 อีก 78.30 ล้านบาท ซื้อเครื่องโอ-อาร์ม เนวิเกชั่น (O-arm Navigation) เครื่องช่วยผ่าตัดด้วยระบบคอมพิวเตอร์นำวิถี” พญ. ศิเรมอร ขยายความ
ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลนครธนมีรายได้รวมประมาณ 2 พันล้านบาท ขณะที่เป้าหมายการเติบโตด้านรายได้ปี 2568อยู่ที่ 8-10% โดยโครงการต่างๆ ที่ลงทุนไปนั้นน่าจะเป็นปัจจัยให้โรงพยาบาลนครธนเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ ด้านการขยายธุรกิจโรงพยาบาลไปยังต่างประเทศ
“สำหรับในต่างประเทศ เราขยายการให้บริการแก่กลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในประเทศเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางเข้ามาไทยเพื่อรับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น และเรายังมีแผนที่จะขยายตลาดไปในประเทศกัมพูชาและบังกลาเทศอีกด้วย” พญ.ศิเรมอร ทิ้งท้าย.