วันเสาร์, มิถุนายน 14, 2025
Home > Cover Story > 29 ปี รพ. นครธน เติบโตบนก้าวที่มั่นคง

29 ปี รพ. นครธน เติบโตบนก้าวที่มั่นคง

โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้นนอกของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกอย่างโรงพยาบาลนครธน ที่เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์ของครอบครัว “ทองสิมา” และเครือญาติ ในปี พ.ศ. 2536 ที่มองว่า การทำโรงพยาบาลก็เป็นอีกหนึ่งหนทางในการทำบุญ เนื่องจากต้นตระกูลอย่าง “ถนอม” มารดาของ รศ.ญาณเดช ทองสิมา เป็นคนชอบทำบุญ

หลังจากแบ่งปันที่ดินขนาด 500 ไร่ ให้เช่าทำห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม การทำโรงพยาบาลแบบไร้ประสบการณ์ แต่ได้พาร์ตเนอร์อย่างโรงพยาบาลบางโพ ในช่วงแรก กระทั่งโรงพยาบาลนครธนสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2539 ด้วยเงินลงทุน 200-300 ล้านบาท ปัจจุบันโรงพยาบาลนครธนดำเนินธุรกิจและตั้งตระหง่านอยู่บนถนนพระราม 2 มายาวนานเกือบ 30 ปี

จากโรงพยาบาลจำนวน 150 เตียง และการเติบโตแบบออแกนิก ผู้เข้าใช้บริการที่รู้สึกพึงพอใจเป็นเรื่องบอกเล่าปากต่อปาก จนในที่สุดก็ถึงเวลาแห่งความพร้อมที่จะขยายตัว ไปสู่ 2 โครงการใหญ่ โรงพยาบาลนครธน 2 และโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center)

“เราผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง ภาวะดอกเบี้ยแพง น้ำท่วม รวมถึงโรคระบาดโควิด-19 ตอนที่โรงพยาบาลดำเนินกิจการมาได้ในช่วงปีที่ 24-25 ก็เคยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องขยาย แต่เรายังเจียมเนื้อเจียมตัว แม้ว่าเราจะมีศักยภาพในการบริการ สุดท้ายเราต้องมองไปให้ไกลถึงอนาคต แผนการขยายโรงพยาบาลนครธนแห่งที่ 2 จึงเกิดขึ้น” รศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) บอกเล่าให้ “ผู้จัดการ 360 องศา” ฟัง พร้อมขยายความถึงการเติบโตทางธุรกิจที่แม้ไม่เป็นไปตามคาด แต่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

“แม้ว่าผลประกอบการจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะเราเติบโตในการรับรู้ของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ เราเพิ่มการทำการตลาดเชิงรุก ซึ่งทำเลที่ตั้งปัจจุบันใกล้เซ็นทรัลพระราม 2 ใกล้ชุมชนเมืองที่มีการขยายตัวค่อนข้างมาก แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก ประชาชนพยายามรักษาสุขภาพของตัวเอง บางคนซื้อยามากินเอง ใช้สิทธิประกันสังคม ทำให้ประชาชนใช้บริการโรงพยาบาลน้อยลง จะมาใช้ก็ต่อเมื่อวิกฤตจริงๆ”

หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปเมื่อปลายปี 2567 การขยายธุรกิจคือแผนการดำเนินงานสำคัญของบริษัท โรงพยาบาลนครธน โดยโรงพยาบาลแห่งที่ 2 จะตั้งอยู่บนถนนเอกชัย-บางบอน ภายใต้งบลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลขนาด 151 เตียง มีเป้าหมายที่จะรองรับผู้ใช้บริการในกลุ่มคนวัยทำงานในย่านเพชรเกษม บางแค ภาษีเจริญ หนองแขม กระทุ่มแบน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

“เราชูจุดเด่นในด้านมาตรฐานการดูแลระดับสูง ด้วยทำเล ชื่อเสียงที่สะสมมา น่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ประชาชนเลือกมาใช้บริการเรา โรงพยาบาลนครธน 2 จะเป็นโรงพยาบาลขนาด 151 เตียง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี 2568โดยในปีแรกจะเปิดให้บริการ 102 เตียง และจะพร้อมให้บริการกลุ่มผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมได้ในปี 2570” รศ.ญาณเดช ขยายความ

ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือttb analytics มองว่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว โดยประเมินว่าปี 2568 สร้างรายได้รวม 3.3 แสนล้านบาท จากจำนวนผู้เข้ารับบริการทางการแพทย์เริ่มอิ่มตัว และแรงกดดันจาก Copayment อาจส่งผลกระทบในระยะยาว หนุนทำธุรกิจเชิงรุกเพิ่มโอกาสสร้างรายได้เพิ่มและขยายฐานตลาดใหม่ๆ

10 ปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยมีความเสี่ยงต่ำและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่ขยายตัวเฉลี่ย 11.6% ต่อปี (2555-2565) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัว โดยในปี 2566 ผลประกอบการหดตัวลง 0.6% และในปี 2567 เติบโตเพียง 4% และเติบโตจากราคาเป็นหลัก จากการวิเคราะห์ผ่านงบการเงินกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ค่าใช้จ่ายบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยนอกต่อครั้งเฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 5-6% ต่อปี

นอกจากโรงพยาบาลนครธน 2 แล้ว อีกหนึ่งโครงการที่ทีมผู้บริหารวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางสังคม โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มรูปแบบ

“จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลนครธนวางกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่เน้นรองรับกลุ่มผู้รับบริการทั่วไปไปยังกลุ่มผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในไทย แต่แน่นอนว่าเรายังพร้อมให้บริการกลุ่มบุคคลทั่วไปที่ต้องการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยเราได้พัฒนาโครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center) ที่นี่จะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ซึ่งเป็นบริการพักอาศัยแบบระยะสั้น ระยะยาว และแบบไปเช้า-เย็นกลับ โดยเราจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ผู้สูงวัย ให้บริการดูแลสุขภาพและเสริมสร้างสุขภาพแบบองค์รวม” พญ. ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ โรงพยาบาลนครธน อธิบาย

โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่บริเวณซอยพระรามที่ 2 ซอย 56 อยู่ห่างจากโรงพยาบาลนครธนเพียง 350 เมตร งบประมาณลงทุนอยู่ที่ 557 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2569

ผู้ประกอบการในหลายธุรกิจเริ่มลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และยิ่งปัจจุบันไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และยิ่งมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2574 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด หรือ Super-Aging Society สังคมที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด

“หลายโรงพยาบาล หรือผู้ประกอบการในแวดวงอื่นๆ เริ่มให้ความสำคัญการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาได้ง่าย เครื่องมือแพทย์ไม่มีความจำเป็นมากนัก แต่เราก็ยังมองว่า การแข่งขันนี้เรามีจุดแข็ง ด้วยทำเลที่ตั้ง ที่ใกล้ โรงพยาบาลนครธน ที่มีทีมแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมดูแล สถานที่ถูกออกแบบ Healing Enviroment เหมาะสมกับการดูแลผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เรามีบุคลากรทางการแพทย์ในสาขาเฉพาะทาง พร้อมศูนย์บริการแพทย์เฉพาะทางจำนวน 20 ศูนย์ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในการก่อตั้งศูนย์การแพทย์ด้านมะเร็งและกระดูกสันหลัง เป็นการเสริมศักยภาพในการดูแลรักษาสุขภาพของผู้ป่วยทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิด วัยเด็ก วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุด้วย” พญ. ศิเรมอร ขยายความ

“การลงทุนที่เกิดขึ้นเป็นผลสำเร็จของการระดมทุนหลังจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งนอกจาก 2 โครงการใหญ่ที่กล่าวไปข้างต้น ปีนี้เรายังมีการลงทุนอีกหลายด้าน ได้แก่ ด้านสารสนเทศ 31 ล้านบาท ในการพัฒนา Application แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับธุรกิจโรงพยาบาล แต่เราเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า จึงพัฒนาแอปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ลงทุนในเรื่องเครื่องมือแพทย์ 146 ล้านบาท ลงทุนด้านอาคารสถานที่ 351.37 ล้านบาท ปรับปรุงแผนกผู้ป่วยในชั้น 12 อีก 78.30 ล้านบาท ซื้อเครื่องโอ-อาร์ม เนวิเกชั่น (O-arm Navigation) เครื่องช่วยผ่าตัดด้วยระบบคอมพิวเตอร์นำวิถี” พญ. ศิเรมอร ขยายความ

ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลนครธนมีรายได้รวมประมาณ 2 พันล้านบาท ขณะที่เป้าหมายการเติบโตด้านรายได้ปี 2568อยู่ที่ 8-10% โดยโครงการต่างๆ ที่ลงทุนไปนั้นน่าจะเป็นปัจจัยให้โรงพยาบาลนครธนเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้ ด้านการขยายธุรกิจโรงพยาบาลไปยังต่างประเทศ

“สำหรับในต่างประเทศ เราขยายการให้บริการแก่กลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยได้แต่งตั้งตัวแทนด้านการตลาดในประเทศเมียนมา เพื่อเป็นศูนย์กลางติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ สามารถเดินทางเข้ามาไทยเพื่อรับบริการที่โรงพยาบาลนครธนได้สะดวกยิ่งขึ้น และเรายังมีแผนที่จะขยายตลาดไปในประเทศกัมพูชาและบังกลาเทศอีกด้วย” พญ.ศิเรมอร ทิ้งท้าย.