ยูนิโคล่ ประเทศไทย เปิดศักราชใหม่ ด้วยการเผยยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนของปี 2568 เดินหน้าสู่พันธกิจระดับโลก “The Heart of LifeWear” สร้างความยั่งยืนผ่านแฟชั่น แต่ก่อนอื่นเราขอชวนย้อนกลับไปดูว่าปี 2567 ที่ผ่านมาว่า ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และคืบหน้าไปถึงไหน
มร.โยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ตั้งแต่ปี 2555 ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้ริเริ่มโครงการส่งต่อเสื้อผ้ายูนิโคล่ที่ได้รับการบริจาคจากลูกค้า เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ที่ต้องการ โดยได้บริจาคเสื้อผ้าไปแล้วกว่า 78,000 ตัว ให้แก่ผู้คนกว่า 4,500 คน ผ่านองค์กรพันธมิตรต่างๆ เช่น มูลนิธิบ้านร่มไทร จังหวัดเชียงใหม่
ปี 2563 ยูนิโคล่ ร่วมมือกับมูลนิธิบ้านร่มไทร ส่งมอบเสื้อผ้ายูนิโคล่ที่ได้รับการบริจาค ให้แก่ผู้ขาดแคลนในภาคเหนือของประเทศไทย
ปี 2566 เปิดตัว RE.UNIQLO Studio บริการซ่อมแซมและแปลงโฉมเสื้อผ้าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยในปี 2567 ลูกค้ากว่า 18% ซื้อเสื้อผ้ายูนิโคล่ และนำมาใช้บริการ RE.UNIQLO Studio โดยยอดการบริการของ RE.UNIQLO Studio เพิ่มสูงขึ้นกว่า 194% เมื่อเทียบกับปี 2566
ปี 2566 โครงการ RE.UNIQLO ‘Warmth for All’ บริจาคเสื้อผ้ากันหนาว 50,000 ตัว เปิดตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยหนาวในภาคเหนือ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการผ่านความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ประเทศไทย
ปี 2567 โครงการ RE.UNIQLO ‘Warmth for All’ ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 โดยยังคงมีเป้าหมายการบริจาคเสื้อกันหนาวจำนวน 50,000 ตัว ซึ่งยูนิโคล่ได้รับการบริจาคเสื้อผ้ากว่า 122,835 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 130% จากปี 2566) โดยมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กกว่า 15,847 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 158.2% จากปี 2566) สอดคล้องกับตามความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ ซึ่งมีเยาวชนอยู่จำนวนมาก เสื้อหนาวที่ได้รับการบริจาคทั้งหมด ถูกมอบให้กับองค์กรพันธมิตรทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิบ้านร่มไทร จำนวน 10,000 ตัว เพื่อผู้ที่มีความต้องการในพื้นที่ห่างไกลในจังหวัดเชียงใหม่, มูลนิธิ กระจกเงา จำนวน 20,000 ตัว และ UNHCR จำนวน 20,000 เพื่อผู้ลี้ภัย
อีกทั้งยังได้บริจาคเสื้อฮู้ดกันยูวีผ้าดรายเอ็กซ์ จำนวน 200 ตัว ให้กับฮีโร่ทีมดับไฟป่าและอาสาสมัครของมูลนิธิกระจกเงา สำหรับใช้ในภารกิจดับไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย รวมถึงส่งมอบเสื้อผ้ากว่า 8,000 ตัวให้มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) และมูลนิธิกระจกเงา เพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ ที่สำคัญยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้สานต่อโครงการ The Heart of LifeWear ด้วยการมอบฮีทเทคจำนวน 15,000 ตัว ให้แก่มูลนิธิบ้านร่มไทรและมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิละ 7,500 ตัว เพื่อส่งต่อความอบอุ่นให้กับผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของไทย
สรุปผลผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการ RE.UNIQLO
มีผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 35,000 คน จากการบริจาคเสื้อผ้าจำนวน 86,802 ตัวในปี 2567 และตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้บริจาคเสื้อผ้าและส่งเสริมการนำกลับมาใช้ไปแล้วกว่า 1.3 ล้านตัว รวมถึง ริเริ่มโครงการ UNIQLO NEXT GENERATION DEVELOPMENT PROGRAM ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยยูนิโคล่ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะฟุตบอลร่วมกับเยาวชนไทยอายุ 8 – 10 ปี กว่า 100 คนในปี 2567
เปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
นับตั้งแต่ ปี 2564 ยูนิโคล่ยื่นใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% (I-REC) และรณรงค์ลดการใช้พลังงานที่ร้านสาขาและสำนักงานใหญ่
ในแง่ภาพรวมระดับโกลบอลนั้น ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของยูนิโคล่ ได้มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนและแผนปฏิบัติการสำหรับปีงบประมาณ 2573 โดยมี 2 แกนหลัก ดังนี้:
ผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม
โดยในปีงบประมาณ 2566 ยูนิโคล่ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของเราเองได้ 69% และลดจากห่วงโซ่อุปทานได้ 10% สัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลได้เพิ่มขึ้นเป็น 18.2% ในปี 2567 ทั้งนี้ตั้งเป้าหมาย “ขยะเป็นศูนย์” (Zero Waste) โดยมุ่งมั่นลดวัสดุเหลือทิ้งเมื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า
ผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม
สร้างความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับของห่วงโซ่อุปทาน (Traceability) จัดซื้อวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ เร่งความก้าวหน้าด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ส่งเสริมโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมทั่วโลก
ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมของยูนิโคล่
ปีงบประมาณ 2567 มีผู้ได้รับประโยชน์ทั่วโลกกว่า 2.34 ล้านคน มีการบริจาคสิ่งของ 4.77 ล้านตัว และมูลค่ากิจกรรมการบริจาค 8.2 พันล้านเยน หรือ 1.8 พันล้านบาท
เสื้อยืดการกุศล Peace for All มีผู้ร่วมสร้างสรรค์ลวดลายทั้งหมด 42 ท่าน มีการจำหน่ายเสื้อยืดไปทั่วโลกจำนวน 6.28 ล้านตัว สร้างยอดบริจาคได้ถึง 1,833 พันล้านเยน (ยอดอัปเดตล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2567)
โครงการ “The Heart of LifeWear” เป็นโครงการระดับโลกครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ยูนิโคล่ตั้งคำถามว่า ‘What makes life better?’ หรือ ‘อะไรที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น?’ เพื่อค้นหาว่าแบรนด์จะสามารถทำกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมผ่านไลฟ์แวร์ (LifeWear) ได้อย่างไรบ้าง เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีของยูนิโคล่ในปี 2567 และภายใต้โครงการ “The Heart of LifeWear” นี้ ยูนิโคล่ตั้งเป้าในการส่งมอบฮีทเทค (HEATTECH) และเสื้อผ้า LifeWear อื่นๆ จำนวน 1 ล้านตัว แก่ผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่น เด็กๆ ที่ขาดแคลน และผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลก
ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนปี 2568
สำหรับเป้าหมายและแผนการด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่ ประเทศไทย ในปี 2568 นั้น ยูนิโคล่ ประเทศไทย ยังคงสานต่อโครงการจากปี 2567 โดยตั้งเป้าดังนี้
โครงการ RE.UNIQLO Warmth for All
- ตั้งเป้ารับบริจาค 160,000 ตัว คิดเป็น 130% จากยอดเสื้อผ้าที่ได้รับบริจาคในปี 2567
- สานต่อความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ประเทศไทย รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ
RE.UNIQLO Studio
- สนับสนุนให้คนไทยใช้ไอเทม LifeWear ที่มีอยู่ให้ยาวนานและยั่งยืนยิ่งขึ้นผ่านบริการ RE.UNIQLO Studio
- สร้างสรรค์ลายปักใหม่ๆ และลายปักในช่วงเทศกาล อาทิ สงกรานต์, Pride Month และคริสต์มาส อย่างต่อเนื่อง
- เน้นบริการอื่นๆ อาทิ บริการปักลาย Sashiko (ซาชิโกะ) ที่เป็นลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งจะปรับโฉมให้เสื้อผ้ามีเอกลักษณ์และไม่ซ้ำใคร และการบริการซ่อมแซมเสื้อผ้า
การจ้างงานพนักงานผู้พิการ
- ในปี 2567 ยูนิโคล่มีการจ้างงานพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 28 คน
- ในปี 2568 นี้ ยูนิโคล่ตั้งเป้าหมายในการจ้างพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 33 คน
เดินหน้าสนับสนุนเยาวชนไทย
สนับสนุนเยาวชนไทยผ่านการเล่นกีฬา ภายใต้โครงการ UNIQLO NEXT GENERATION DEVELOPMENT PROGRAM โดยในปี 2568 ยูนิโคล่ตั้งเป้าว่าจะจัดกิจกรรมร่วมกับเยาวชนไทยกว่า 150 คนทั่วประเทศ
ความร่วมมือกับพันธมิตร
ดำเนินการด้านความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อช่วยผลักดันแผนการด้านความยั่งยืนในประเทศไทย อย่าง PM Warrior Award – Kids & Rajapruk Foundation & BMA โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้สำหรับเยาวชนไทยในเรื่อง PM 2.5, ร่วมมือกับ UNESCO สำหรับโครงการ “Sustaining Our OCEANS” และร่วมมือกับ GC และสาธิตจุฬา สำหรับการนำวัสดุที่ถูกใช้งานแล้วมาใช้งานใหม่อีกครั้ง
ก้าวสู่เป้าหมายการลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste)
ยูนิโคล่ ประเทศไทย ตั้งเป้าสู่การลดขยะให้เป็นศูนย์ ด้วยการลดการใช้พลาสติกในการขนส่ง โดยรวมบรรจุภัณฑ์เสื้อผ้าเข้าด้วยกันในถุงพลาสติกใบเดียวในการขนส่งจากโรงงานผลิตมายังร้านยูนิโคล่ ซึ่งประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการสำหรับสินค้าฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิในปี 2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกได้ถึง 1 ใน 4 ภายในปีนี้ สนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้าของตนเอง เพื่อลดการใช้ถุงกระดาษ และใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งที่ร้านสาขาและสำนักงานใหญ่