วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 11, 2025
Home > Cover Story > ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ กับภารกิจแก้หนี้นอกระบบด้วย AI

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ กับภารกิจแก้หนี้นอกระบบด้วย AI

ชื่อของ “ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในแวดวงการเงินและการธนาคาร ทั้งในฐานะอดีตรองผู้จัดการใหญ่ Chief Economist ผู้บริหารสูงสุดของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) และผู้บริหารสูงสุดฝ่ายวิเคราะห์ความเสี่ยงของธนาคารไทยพาณิชย์ รวมถึงในบทบาทนักเศรษฐศาสตร์ประจำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) และผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มาอย่างต่อเนื่องกว่า 25 ปี

ก่อนที่ในปี 2560 เธอจะออกมาสวมหมวกใบใหม่ ด้วยการบุกเบิกก่อตั้งบริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด (ABACUS digital) ธุรกิจร่วมลงทุนและ datatech startup ด้านเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งอยู่ภายใต้ยานแม่อย่าง SCBX โดยมีจุดหมายเพื่อปฏิวัติสินเชื่อของไทยและแก้หนี้นอกระบบอันปัญหาเรื้อรังที่อยู่คู่สังคมไทยมาเป็นระยะเวลานาน ผ่านการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สะดวกและปลอดภัย

“ปัญหาใหญ่ในปัจจุบันคือ ‘วิกฤตหนี้ครัวเรือน’ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 90% ของ GPD แต่อย่าลืมว่าตัวเลข 90% เป็นเพียงตัวเลขของยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เพราะเป็นตัวเลขแค่หนี้ในระบบ ปัญหาจริงๆ มันคือหนี้นอกระบบที่อยู่ใต้ยอดภูเขาน้ำแข็งนั้นลงมาอีกเยอะมาก เมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว ระดับของหนี้ในระบบที่อยู่เหนือน้ำอยู่ที่ 92% แต่วันนี้กดมาอยู่ที่ 90% ปัจจัยหลักมาจากการเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้น แต่นั่นคือการกดก้อนน้ำแข็งให้มาอยู่ใต้น้ำ ผลักกลุ่มคนตัวเล็กเข้าสู่หนี้นอกระบบ” ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด เปิดเผย

มีตัวเลขที่น่าสนใจระบุว่า ปัจจุบันมีครัวเรือนไทยถึง 42% ที่ยังประสบปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ โดยเฉพาะกลุ่มคนตัวเล็กที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยากที่สุด อย่าง กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่ม SME กลุ่มเด็กจบใหม่ ฟรีแลนซ์ และเกษตรกร ที่มีอยู่กว่า 21.3 ล้านคน

“หนี้นอกระบบเป็นปัญหาเรื้อรังอยู่คู่สังคมไทยมานาน ส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้มักเป็นคนค้าขาย มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ เป็นกลุ่มคนตัวเล็กที่เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ค่อนข้างยาก จริงๆ แล้ว เขาไม่ควรต้องถูกกดไปอยู่ใต้น้ำ แต่ด้วยกระบวนการปล่อยสินเชื่อแบบดั้งเดิมทำให้เขาโดนกดลงมา ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทเราจึงพยายามทำความเข้าใจว่ากลุ่มคนตัวเล็กหรือกลุ่มเปราะบางเขาต้องการบริการทางด้านการเงินอะไรบ้าง”

นอกจากนี้ เธอยังเสริมอีกว่า กระบวนการปล่อยสินเชื่อแบบดั้งเดิมที่ระบบหลังบ้านยังใช้พนักงานสินเชื่อในการดำเนินงาน ประเมินความเสี่ยง และตรวจสอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ  ที่ส่วนใหญ่ยังเน้นที่สลิปเงินเดือนและหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นหลักนั้น ต้องใช้ทรัพยากรที่มากและเวลาที่นาน นั่นจึงส่งผลให้ต้นทุนในการปล่อยสินเชื่อมีต้นทุนที่สูง ขนาดของการให้กู้จึงค่อนข้างใหญ่ คนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ ในวงเงินเล็กๆ จึงไม่สามารถทำได้ ยิ่งเป็นกลุ่มคนตัวเล็กด้วยแล้ว โอกาสในการได้รับสินเชื่อยิ่งเป็นไปได้ยาก เพราะมีรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอ และทำให้ต้องหันไปกู้หนี้นอกระบบในที่สุด อีกทั้งการใช้พนักงานในระบบหลังบ้านอาจเกิดความไม่แม่นยำได้ง่าย ใช้เวลานาน และส่วนใหญ่การขอสินเชื่อยังต้องไปทำที่สาขาของธนาคาร ซึ่งไม่สะดวกนักสำหรับกลุ่มคนตัวเล็กอย่างพ่อค้าแม่ค้า ที่คำว่า “หาเช้ากินค่ำ” ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเจอ

ซึ่งการแก้โจทย์ข้างต้นนั้น ดร.สุทธาภา เชื่อว่าเทคโนโลยี AI คือคำตอบที่จะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาและช่วยให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว เพราะสามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำ ช่วยลดต้นทุนการให้สินเชื่อ อีกทั้งยังตรวจจับการฉ้อโกงและสกัดมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น ภายหลังก่อตั้ง อบาคัส ดิจิทัล ดร.สุทธาภาและทีมจึงเร่งพัฒนา AI ขึ้นมา เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับกลุ่มคนเปราะบาง กระทั่งในปี 2562 จึงมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันสินเชื่อออนไลน์ “มันนี่ทันเดอร์” (Money Thunder) ในที่สุด โดยอบาคัส ดิจิทัล เชื่อว่านี่จะเป็นการพลิกโฉมสินเชื่อแบบออนไลน์เลยทีเดียว

จุดเด่นของ “มันนี่ทันเดอร์” คือ มีการนำ AI ที่อบาคัส ดิจิทัล พัฒนาขึ้นเองจากการทำความเข้าใจปัญหาทางการเงินของคนไทย และนำข้อมูลทางเลือกมาใช้วิเคราะห์ความเสี่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนตัวเล็กที่มีเครดิตน้อยสามารถเริ่มต้นมีสินเชื่อในระบบได้ โดยผู้กู้สามารถใช้ข้อมูลทางเลือกที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น บิลค่าน้ำค่าไฟ ยอดขายออนไลน์ ในการสมัครสินเชื่อ ไม่จำกัดเพียงสลิปเงินเดือน ซึ่งสามารถประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำ อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนสินเชื่อเพราะระบบหลังบ้านเป็น AI ทั้งหมด ทำงานได้เร็ว ต้นทุนไม่สูง จึงสามารถลดขนาดของการปล่อยกู้ได้ ทั้งนี้ผู้กู้สามารถสมัครสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา ซึ่งที่ผ่านมาสามารถอนุมัติสินเชื่อได้เร็วสุดภายในระยะเวลาเพียง 2 นาที

หลังจากเปิดตัวมันนี่ทันเดอร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 20 ล้านครั้ง มีจำนวนผู้ใช้สูงกว่า 4 ล้านคน รองรับผู้ใช้กว่า 1.5 ล้านคน/เดือน โดยที่ระบบหลังบ้านเป็นแมชชีนทั้งหมด ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท และมีผลกำไรโตกว่า 40%

“ผู้ใช้สินเชื่อกว่า 1 ใน 3 ของเรา เคยพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบมาก่อน และกว่า 30% เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร ทั้งนี้พบว่า มากกว่า 50% ของผู้ใช้งานมีรายได้ที่ดีขึ้นหลังได้รับสินเชื่อจากมันนี่ทันเดอร์ นอกจากนี้เรายังได้ส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยมีสัดส่วนถึง 63% ของลูกค้าทั้งหมดที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเทียบกับตลาดอยู่ที่เพียง 40% เป็นการเปิดโอกาสให้คนตัวเล็ก ถ้าหลังบ้านทำได้อย่างรวดเร็ว ต้นทุนไม่สูง ก็สามารถลดขนาดของการปล่อยกู้ได้ ไม่ต้องปล่อยกู้ก้อนใหญ่ เพราะบางคนต้องการเงินกู้แค่เพียงไม่กี่พันบาทเพื่อทำธุรกิจเล็กๆ ของเขา สมัยก่อนถ้าปล่อยกู้หลักพันบาทไม่ต้องพูดถึงธนาคารหรือนอนแบงก์เลย เขาไม่ปล่อย แต่วันนี้ AI สามารถช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ได้ สินเชื่อขั้นต่ำที่มันนี่ทันเดอร์เคยปล่อยคือ 800 บาทเท่านั้นเอง เราอยากให้คนได้ตั้งตัวและเริ่มสร้างเครดิตที่ดี”

แม้ยอดสินเชื่อและจำนวนผู้ใช้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่คำถามที่ตามมาคือตัวเลขหนี้เสีย (NPL) ที่เป็นที่กังวลของทั้งอุตสาหกรรมนั้น อบาคัส ดิจิทัล มีวิธีบริหารจัดการอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจขาลงที่มีปัจจัยลบรออยู่รอบด้านเช่นนี้

ดร.สุทธาภา ตอบข้อกังวลนี้ว่า “เรามีสินเชื่อ 2 ไลเซนส์ คือนาโนไฟแนนซ์ไลเซนส์ ซึ่งปล่อยสินเชื่อได้สูงสุดอยู่ที่ 1 แสนบาท กับไลเซนส์สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 5 เท่าของเงินเดือน ตอนนี้ NPL ของเราต่ำกว่า 3% กลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มคนตัวเล็กที่มาจากหนี้นอกระบบและขยับเข้ามาอยู่ในระบบ พอร์ตฯ ส่วนใหญ่เป็นนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งในตลาด NPL อยู่ที่ 5-7% เราเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่หนี้เสียยังต่ำอยู่ ที่คุมได้ต่ำกว่าตลาดเพราะ AI ที่เราพัฒนาสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ รวมถึงมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยเลือกแผนการชำระเงินและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้กับผู้กู้ และยังช่วยสร้างวินัยทางการเงินและรักษาเครดิตให้เขาได้ในระยะยาว”

นอกจากสร้างโอกาสทางการเงินให้กับกลุ่มคนตัวเล็กในสังคมผ่านการปล่อยสินเชื่อออนไลน์แล้ว ยานลูกลำนี้ของ SCBX ยังต่อยอดจุดแข็งด้านเทคโนโลยีสู่โมเดลธุรกิจใหม่อย่าง ABACUS techsuite เพื่อช่วยธุรกิจในการวิเคราะห์และตัดสินใจทางการเงิน โดยนำความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ประสบการณ์ทางเทคโนโลยีและความชำนาญจากการพัฒนามันนี่ทันเดอร์มาตลอด 5 ปีมาต่อยอด โดยมี ABACUS check เป็นหนึ่งในโปรดักส์เรือธง

ABACUS check เป็นเทคโนโลยี AI ที่ช่วยยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลสเตทเมนต์ธนาคาร ที่ให้ผลลัพธ์เชิงลึกภายใน 1 นาที พร้อมฟังก์ชันตรวจจับการปลอมแปลงเอกสาร และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจข้อมูลทางการเงินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน โดยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งสถาบันการเงิน ธุรกิจเช่าซื้อ และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง ณ วันนี้ ABACUS techsuite มีลูกค้าเป็นองค์กรธุรกิจทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และกำลังจะมีองค์กรในต่างประเทศเข้ามาเป็นลูกค้าในอีกไม่นาน

สำหรับปี 2568 อบาคัส ดิจิทัล ตั้งเป้าหมายการเติบโตของกำไร 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีแผนขยายบริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันมันนี่ทันเดอร์ และขยายบริการ ABACUS Techsuite พร้อมตั้งเป้าขยายการให้บริการสู่ระดับภูมิภาค

จากธุรกิจให้บริการสินเชื่อสำหรับกลุ่มคนตัวเล็กที่เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดแล้ว ดูเหมือนวันนี้ “อบาคัส ดิจิทัล” ยานลูกของ SCBX ภายใต้การนำของ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ กำลังเร่งเครื่องยนต์ทางธุรกิจอีกครั้ง ในอัตราความเร็วที่น่าติดตามไม่น้อยเลยทีเดียว.