วันอาทิตย์, ตุลาคม 13, 2024
Home > New&Trend > คาโอ ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 60 ปี ผนึกกำลัง ซีพี เดินหน้าขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์รักษ์โลก

คาโอ ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 60 ปี ผนึกกำลัง ซีพี เดินหน้าขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์รักษ์โลก

หลังเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยถึง 6 ทศวรรษ บริษัท คาโอ คอร์ปอเรชั่น ที่คนไทยรู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและเคมีภัณฑ์รายใหญ่จากญี่ปุ่น ถือโอกาสนี้จับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ของไทยอย่าง เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนแก่ธุรกิจสินค้าอุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ เพื่อสร้างสังคมสีเขียวแก่ผู้บริโภคชาวไทย

โดยคาโอจะร่วมมือกับซีพีในการจัดหานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ด้านธุรกิจสินค้าอุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้ความเชี่ยวชาญ ความรู้ และเทคโนโลยีของทั้ง 2 ฝ่าย และทำงานร่วมกันภายใต้แนวทางความยั่งยืนตามหลัก ESG ที่ช่วยปกป้องดูแลสุขอนามัยของผู้บริโภค ผ่านธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในเครือซีพี ทั้งร้านสะดวกซื้อ “7-Eleven” / ธุรกิจค้าปลีก “โลตัส” และ ธุรกิจค้าส่ง “แม็คโคร” ซึ่งแน่นอนว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของทั้งสององค์กรอีกด้วย

 

สำหรับรายละเอียดของ ข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งนี้ ประกอบด้วย

– ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกิจสินค้าอุปโภคในกลุ่ม House Brand ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P. Group) โดยใช้นวัตกรรมของคาโอ คอร์ปอเรชั่น เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน และสำหรับวางจำหน่ายภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีแผนดำเนินการผลิตที่ประเทศไทยและวางขายในช่องทางของเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นหลัก

– นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากคาโอ คอร์ปอเรชั่น และวางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะห้างร้านภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์

– ร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาสังคม และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัท

– ขยายโอกาสความร่วมมือทางด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์

– ร่วมมือในการคิดค้นและพัฒนากล่องบรรจุภัณฑ์และพาเลทแบบพร้อมโชว์ (Shelf-Ready Display) เพื่อจัดจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้คอนเซปต์ “Club Model” ที่ แม็คโคร และ โลตัส ทุกสาขา ภายใต้ ซีพี แอ็กซ์ตร้า

นายโยชิฮิโระ ฮาเซเบะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า “นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของสองบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของคาโอในการ ‘ช่วยปกป้องทุกชีวิตในอนาคต’ ด้วยการนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ซึ่งแผนการบริหารงานในระยะกลาง ‘K27’ ของคาโอ มีจุดประสงค์หลักในการสร้างธุรกิจระดับโลก โดยคาโอได้ดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (ESG) หรือ “Kirei Lifestyle” (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์) เพื่อส่งเสริมการมีชีวิตที่งดงามทั้งภายในและภายนอกให้กับผู้บริโภคของเราในทุกๆ วัน และกว่า 60 ปี ที่บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด อยู่เคียงข้างคนไทย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว”

ด้านนายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือกับคาโอครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่เครือซีพี ซึ่งเล็งเห็นถึงความสำคัญและความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มาผสานกับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของคาโอ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดของเสีย และสอดคล้องกับแนวทางที่หลายประเทศให้ความสำคัญ โดยเครือซีพีตั้งเป้าที่จะขยายโอกาสให้ผู้บริโภคไทยสามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ผ่านเครือข่ายค้าปลีกค้าส่งในเครือฯ อาทิ 7-Eleven โลตัส และแม็คโคร ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยยกระดับธุรกิจสินค้าอุปโภคและเคมีภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสังคมไทยในระยะยาวอีกด้วย”

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของคาโอ คอร์ปอเรชั่น โดยมีไทยเป็นประเทศแรก และเหตุผลที่เลือกไทยเป็นประเทศแรก เพราะคาโอเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยยาวนานถึง 60 ปี สะสมทั้งความรู้ ข้อมูล และเทคโนโลยีไว้มากที่สุด อีกทั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็เป็นองค์กรที่มีบทบาทมากในไทย ที่สำคัญยังมีเป้าหมายด้านความยั่งยืนเช่นเดียวกัน จึงทำให้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้น

สำหรับนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของคาโอ ประกอบด้วย การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต ใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติก เพิ่มสัดส่วนการใช้พลาสติกรีไซเคิล รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์รักษ์โลกในพอร์ต ซึ่งปัจจุบันคาโอมีผลิตภัณฑ์รักษ์โลกราวๆ 10% ของพอร์ตฯ รวม