วันพุธ, ตุลาคม 16, 2024
Home > Cover Story > สัตว์เลี้ยงยุค Petfluencer ตลาด 7 หมื่นล้าน ทาสแมวเปย์หนักสุด

สัตว์เลี้ยงยุค Petfluencer ตลาด 7 หมื่นล้าน ทาสแมวเปย์หนักสุด

เทรนด์การเลี้ยงสัตว์กำลังพัฒนาจากการเลี้ยงเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) เป็น Pet Celebrity สร้างคอนเทนต์ มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย กลายเป็น Petfluencer คาดหวังช่องทางสร้างรายได้ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องลงทุนสูงเช่นกัน

ttb analytics เผยผลสำรวจตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2567 จะมีมูลค่าสูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2566 ขณะที่ The 1 Insight และ CRC VoiceShare ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ระบุว่า ตัวเลขการเลี้ยงสัตว์ในบ้านมีแนวโน้มเติบโตสูงมากตั้งแต่ยุคหลังโควิด  สวนทางกับอัตราการเกิดของประชากรไทยที่ลดลงในทุกๆ ปี และบรรดาทาสแมวเป็นกลุ่มจ่ายหนักกว่าเดิมถึง 2 เท่า

ปัจจัยสำคัญ ทั้งการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดูแลสัตว์เลี้ยงต่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ยราว 41,100 บาทต่อตัวต่อปี สูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระที่มีค่าใช้จ่ายเพียง 7,745 บาทต่อตัวต่อปี

นอกจากนั้น กลุ่ม Pet Humanization บางกลุ่มนิยมเลี้ยงแบบตามใจปรนเปรอ ที่เรียกว่า “ทาสหมา-ทาสแมว” หรือ Petriarchy ส่งผลให้การจับจ่ายมีทิศทางเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งมากขึ้น

ที่สำคัญ สัตว์เลี้ยงบางตัวสามารถพัฒนาบทบาทเป็นสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ ดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ Pet Celebrity และมีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย (Petfluencer) นำเสนอ Stories ผ่านการเล่าเรื่องหรือสร้าง Content โดยเจ้าของผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทำให้การจับจ่ายสูงขึ้นและมีความถี่มากขึ้นด้วย

ttb analytics ระบุว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ เริ่มจากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและบริการรักษาสัตว์ ซึ่งเติบโตจากกระแสการเลี้ยงดูแลแบบ Pet Humanization ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีการใช้อาหารเฉพาะ เน้นคุณค่าทางโภชนาการ ป้องกันโรคต่างๆ ตั้งแต่อาหารเปียกเกรดพรีเมียมและอาหารดิบที่ไม่ผ่านความร้อน หรือ BARF ราคาสูง ส่งผลให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2567 ขยายตัวแตะ 4.46 หมื่นล้านบาท และเน้นการรักษาสัตว์เหมือนสมาชิกในครอบครัว เกิดคลินิกรักษาสัตว์และโรงพยาบาลที่เพิ่มมากขึ้น โดยประเมินมูลค่าบริการรักษาสัตว์สูงถึง 6.64 พันล้านบาท

กลุ่มที่สอง อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงและบริการดูแล ซึ่งเติบโตแรงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากกระแสการเลี้ยงแบบ Petriarchy และ Petfluencer เช่น บริการอาบน้ำตัดผม สปา โรงแรม โดยกลุ่มอุปกรณ์มีมูลค่าการเติบโตเฉลี่ย 17.3% มูลค่ารวม 2.29 หมื่นล้านบาท ส่วนกลุ่มบริการดูแลเติบโตเฉลี่ย 16.7% มูลค่ารวม 660 ล้านบาท

ด้าน The 1 เก็บรวบรวมข้อมูลพบว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงเติบโตเลข 2 หลักต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 และปี 2566 เติบโต 14% โดยผู้เลี้ยงสัตว์ในบ้านเป็นกลุ่มลูกค้ามูลค่าสูง (High-value users) และ 65% เป็นกลุ่ม Pet Parent มีค่าใช้จ่ายรายเดือนต่อสัตว์เลี้ยง 1-2 หมื่นบาทต่อตัวต่อปี และ Gen Y ขึ้นแท่นทาสแมวอันดับ 1

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สำหรับแมวมีสัดส่วนมากสุด คิดเป็น 63% ของยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ทั้งหมด เพราะมีความหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของเหล่า Pet Parent มากกว่าสัตว์เลี้ยงอื่นๆ  สินค้าที่มียอดขายสูงสุด ได้แก่ อาหาร ขนม  ทรายแมว และห้องน้ำแมว

นอกจากนั้น จำนวนผู้เลี้ยงสัตว์ Exotic เช่น ปลา กระต่าย และนก มีแนวโน้มขยายตัว สะท้อนผ่านตัวเลขการใช้จ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง Exotic ที่เติบโตสูงกว่า 50% เทียบกับยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวเติบโต 8% ส่วนสุนัขเติบโต 6%

แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดยังคงเป็นกลุ่มแบรนด์ยอดนิยม ได้แก่ วิสกัส เพดดิกรี สมาร์ทฮาร์ท สมาร์ทเตอร์ และมีโอ แต่เทรนด์ Pet Parent ที่เติบโตขึ้นและนิยมซื้ออาหารสัตว์เกรดโฮลิสติก มียอดขายเติบโตกว่า 20 เท่าในช่วงปี 2566 ไม่ว่าจะเป็นโอริเจน คานาแกน โยร่า แฮปปี้ ด็อก นูเทรียนซ์ ในร้านขายของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น เพ็ทแอนด์มี (Pet’n Me) ซึ่งมีอัตราเติบโตโดดเด่นมาก

CRC VoiceShare ชี้อีกว่า คนไทย 65% เลี้ยงสัตว์เหมือนลูกหรือสมาชิกในครอบครัว 33% เลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนคลายเหงา และ 2% เลี้ยงเพื่อเยียวยาจิตใจ

อันดับสัตว์เลี้ยงยอดนิยม 63% เลือกเลี้ยงสุนัข 49% เลือกเลี้ยงแมว 12% เลือกเลี้ยงสัตว์ Exotic โดยผู้เลี้ยงในไทยยังคงได้สัตว์เลี้ยงมาจากการซื้อจากร้านหรือฟาร์ม ยกเว้นเหล่าทาสแมวที่มีสัดส่วนสูงถึง 50% มักรับอุปการะแมวจรจัด สอดคล้องกับเทรนด์ “Adopt, Don’t Shop” ตามแคมเปญระดับโลกที่ทั้งองค์กรและคนดังต่างร่วมกันรณรงค์ให้คนรับเลี้ยงสัตว์จรจัดมากกว่าการซื้อจากฟาร์ม

ผู้เลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันยังใช้จ่ายกับบริการเพื่อสัตว์เลี้ยงต่างๆ ในทุกเดือน ได้แก่ บริการอาบน้ำ-ตัดขน-สปา บริการรับฝากเลี้ยง บริการสระว่ายน้ำและสถานที่ออกกำลังกาย

ขณะที่กว่า 65% ของผู้เลี้ยงสัตว์ต้องการใช้บริการ Pet Wellness Center หรือบริการดูแลและรักษาสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ตั้งแต่การดูแลทั่วไปจนถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะผู้เลี้ยงสามารถฝากดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักได้อย่างไร้กังวล เมื่อมีเหตุจำเป็น 40% ต้องการคลินิกเฉพาะทางมากขึ้น และ 27% อยากให้มี Pet Park มากขึ้น.