วันเสาร์, ตุลาคม 12, 2024
Home > Cover Story > สมนึก ตันฑเทอดธรรม พลิกอิมเมจ “เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง”

สมนึก ตันฑเทอดธรรม พลิกอิมเมจ “เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง”

“เอ็น.ซี.กรุ๊ป” ของกลุ่มตระกูล “ตันฑเทอดธรรม” ค่ายอสังหาริมทรัพย์เก่าแก่ที่โลดแล่นอยู่ในตลาดมานานกว่า 30 ปี กำลังเร่งจังหวะ Big Move ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 เปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ เป้าหมายไม่ใช่แค่แผนปลุกแบรนด์ให้ดังเปรี้ยงปร้างมากขึ้น แต่งัดกลยุทธ์ Core Value 4C ดันทีมงานเจเนอเรชันใหม่ อัปเกรดทุกด้าน ลุยสมรภูมิที่มีโจทย์การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น

สมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ว่า การก้าวเดินถึงปีที่ 30 บริษัทต้องการสื่อสารแบรนด์ที่เข้าใจลูกค้า สร้างการรับรู้ใหม่ๆ ขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม โดยดึงจุดเด่นของแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องบ้าน ตอบโจทย์ผู้ซื้อบ้าน ผ่านการดีไซน์โปรดักส์ Project Concept ฟังก์ชันบ้านในแต่ละโครงการ ประสบการณ์เรื่องบ้านที่รู้จริง เพื่อเข้าถึงความต้องการอย่างแท้จริงของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเสริมทีมงานทั้งก่อนและหลังการขาย เป็นที่ปรึกษาเรื่องบ้านอย่างครบวงจร

สำหรับกลยุทธ์ Core Value 4C เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ เอ็น.ซี. ต้องการปลูกฝังให้พนักงานและองค์กร ตั้งแต่ C ตัวแรก Commitment การสร้างความน่าเชื่อถือและบรรลุเป้าหมาย Collaboration การร่วมมือร่วมใจ Creativity การรักษาศักยภาพการแข่งขันและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ตบท้าย C ตัวสุดท้าย Care ให้พนักงานมีใจด้านบริการและปลูกฝังด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

สมนึกกล่าวว่า เอ็น.ซี. เริ่มแอคทีฟตั้งแต่ต้นปีทันที เพราะมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีทิศทางฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น แม้มีปัญหาด้านเงินเฟ้อ แต่มีปัจจัยหนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยขับเคลื่อนต่อไปได้ ตลาดยังคงมีทิศทางเติบโต โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ ระดับราคาไม่เกิน 3-5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การพลิกเปลี่ยนสู่อนาคตของ เอ็น.ซี. ในยุคเจเนอเรชันที่ 2 ถือเป็นจังหวะก้าวครั้งสำคัญในช่วงหลายสิบปี หากย้อนเส้นทางการก่อร่างสร้างตัวที่ยาวนานเมื่อสี่สิบปีก่อน

เวลานั้น นำชัย ตันฑเทอดธรรม และโกศล เจษฎาวรางกูล จับมือกันสร้างบริษัทอสังหาริมทรัพย์  “วังทองกรุ๊ป” โดยถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ในยุทธจักรตลาดบ้านแนวราบ เปิดโครงการแรก “บ้านวังทอง ดอนเมือง” หลังจากนั้นรุกตลาดย่านรังสิต-ลำลูกกา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดแถบกรุงเทพฯ โซนเหนือ

ปี 2536 วังทอง กรุ๊ป สูญเสียหัวเรือใหญ่อย่าง โกศล เจษฎาวรางกูล ส่งผลให้ นำชัย ตันฑเทอดธรรม แยกตัวออกไปตั้ง บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการของตัวเอง เปิดทางให้ โกมลและเสาวนีย์ เจษฎาวรางกูล น้องชาย-น้องสาวของโกศลรับไม้ต่อบริหารและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของวังทอง กรุ๊ป ต่อไป จนถึงยุค “ปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล” และเงียบหายจากสื่อหลายปี แต่กลุ่มวังทอง กรุ๊ป ยังมีการพัฒนาโครงการในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนืออย่างเงียบๆ ต่อเนื่อง

จนกระทั่งปี 2559 ภาสกร-หทัยชนก เจษฎาวรางกูล ทายาทสายตรงของโกศล ก้าวเข้ามาบริหารบริษัท วังทองกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จนถึงปัจจุบัน

ด้าน เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2537 ด้วยทุนจดทะเบียนก้อนแรก 20 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านั้น นำชัยดึงลูกชาย คือ นพ. สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม สลัดคราบจากคุณหมอสาขาอายุรกรรม กลายมาเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และเป็นกำลังหลักบุกเบิกบริษัทตั้งแต่ช่วงรอยต่อวังทองกรุ๊ปจนถึง เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ลุยก่อสร้างโครงการภายใต้แบรนด์ “บ้านฟ้า” เน้นทำเลกรุงเทพฯ โซนเหนือ รังสิต ลำลูกกา

การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เกิดเหตุสะดุดเจอวิกฤตฟองสบู่แตกปี 2540 ทำให้หลายบริษัทต้องปิดตัว รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แต่สมเชาว์ฮึดสู้ลุยต่อ พยายามติดต่อกับสถาบันการเงิน เจรจาขอเงินกู้เพื่อสร้างโครงการบ้านที่ค้างอยู่ให้เสร็จ และริเริ่มใช้ “สัญญาที่เป็นธรรม” ปลุกความเชื่อมั่นกับลูกค้า จนสามารถโอนบ้าน สร้างรายได้ยอดขายและพลิกฟื้นกลับมาเติบโตได้ โดยดึงสมนึก ตันฑเทอดธรรม น้องชายเข้ามาเป็นอีกกำลังหลัก

ปี 2546 เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง แปรสภาพเป็นบริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH

ปี 2547 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเริ่มซื้อขายหุ้น NCH ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2547

ปี 2559 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,245 ล้านบาท และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในปัจจุบัน ผุดโครงการมากกว่า 70 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 38,000 ล้านบาท ที่รู้จักกันภายใต้แบรนด์บ้านฟ้า เช่น บ้านฟ้าปิยรมย์ บ้านฟ้ากรีนพาร์ค รังสิตคลอง 2 บ้านฟ้ากรีนพาร์ค ลาดพร้าว  ปิ่นเกล้าพุทธมณฑลสาย 1 บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ พัทยา บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ปิ่นเกล้า สาย 5 บ้านฟ้าลากูน บ้านฟ้ารังสิต บ้านฟ้าทอฝัน บ้านฟ้าชมพฤกษ์ บ้านฟ้าคลองหลวง

นอกจากนั้น ขยายโครงการบ้านหรูริมสนามกอล์ฟ ธัญธานี โฮมออนกรีน เอ็น.ซี. ออนกรีน ฌาม และแบรนด์ NC Royal ในกลุ่มบ้านระดับราคาสูงเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป โครงการแนวสูง 2 ทำเล เมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยว โครงการ เนทูเรซ่า พัทยาเหนือ และโครงการคอนโด ดิอามองต์ ถ.ซุปเปอร์ เชียงใหม่

ช่วงปี 2562 ความเป็นหมออายุรกรรมของสมเชาว์บวกกับแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย บริษัทตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจ ศิริอรุณ เวลเนส (Siri Arun Wellness) ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้อยู่ในระยะพักฟื้นและดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในรูปแบบไป-กลับ การพักระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งล่าสุดเปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ ศิริอรุณแคร์ สาขาอรุณอมรินทร์ และสาขาอุบลราชธานี ซึ่งเป็นโปรเจกต์ร่วมทุนกับ ดร.จุไรรัตน์ ศรีศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียนเดอะแคร์การบริบาล

ทั้งนี้ ศิริอรุณเวลเนสฯ พัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Vacation Time สร้างบรรยากาศการพักฟื้นให้เหมือนกับการไปพักผ่อนในวันหยุด มีโปรแกรมและอัตราค่าบริการ 4 ระดับ เริ่มจากแบบห้องรวม Share 3 Room Week ราคาเริ่มต้น 16,000 บาท แบบ Share 2 Room Week ราคาเริ่มต้น 24,000 บาท แบบห้องเดี่ยว VIP Week ราคาเริ่มต้น 35,000 บาท และแบบ Super VIP Week ราคาเริ่มต้น 50,000 บาท โดยแต่ละห้องประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องนั่งเล่น

ขณะเดียวกัน ลงทุนเปิดศูนย์สุขภาพครบวงจร NC REGEN Sport and Wellness Center ในโครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ ลำลูกกาคลอง 6 ซึ่งเป็นศูนย์ขนาดใหญ่สุดของโซนเหนือ มีทั้งศูนย์ Wellness ศูนย์กายภาพบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพ สปา สำหรับผู้สูงอายุ ศูนย์โภชนาการ Education Hub คลินิกดูแลความงาม สระว่ายน้ำ ฟิตเนส โซน Exercise Group เลสมิลส์ สนามเทนนิส และสนามแบดมินตัน รองรับลูกบ้าน 7,000 ครอบครัว รวมถึงผู้คนทั่วไป

สำหรับช่วงปี 2566 บริษัทเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิต เพราะมองว่าราคาบ้านระดับดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ โดยขยายทำเลครอบคลุมพื้นที่ 4ทำเลของกรุงเทพฯ โซนเหนือ โซนตะวันตก โซนใต้ และโซนตะวันออก เพื่อปิดยอดขายให้ได้ตามเป้า ทั้งยอดขาย (Presale) 5,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ระดับ 3,200 ล้านบาท เติบโต 25% จากปี 2565 ที่มียอดขาย 4,442 ล้านบาท จากปี 2564 มียอดขาย 3,500 ล้านบาท

สมนึกกล่าวว่า จากปีที่ผ่านมา บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ 1,000 ล้านบาท และมีที่ดินเปล่าในมือรอพัฒนาอีกกว่า 500 ไร่ ทั้งในกรุงเทพฯ หัวเมืองหลัก และจังหวัดโซนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งคาดว่าจะมีการพัฒนาโครงการอาคารชุดในปี 2567 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากรายได้จากการขายบ้านแนวราบ รายได้คาเช่าและบริการในส่วนของธุรกิจอาคารพักอาศัยให้เช่า ธุรกิจ NC Regen Sport & Wellness Center และธุรกิจบริการฟื้นฟูสุขภาพดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเทรนด์การเติบโตชัดเจนยิ่งขึ้น.