วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 10, 2024
Home > Cover Story > ทองคำแพงกระฉูด เมื่อสงครามฮามาสน่ากลัวกว่าทุกรอบ

ทองคำแพงกระฉูด เมื่อสงครามฮามาสน่ากลัวกว่าทุกรอบ

ราคาทองคำผันผวนพุ่งพรวดทะลุระดับ 34,000 บาท ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์อาจแตะ 35,000 บาท นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และยังรุนแรงยืดเยื้อ มิหนำซ้ำ บิ๊กเบิ้ม “สหรัฐอเมริกา” ออกโรงพร้อมช่วยเหลืออิสราเอลทุกรูปแบบ ยิ่งทำให้ทองคำกลายเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ถูกเก็งกำไรอย่างร้อนแรง

ทั้งนี้ ผลการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ (Gold Research Center) ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน 2566 คาดการณ์ราคาทองคำยังมีแนวโน้มขยับสูงขึ้นได้ จากราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 33,700-34,200 บาทต่อบาททองคำ โดยต้องจับตาปัจจัยเศรษฐกิจโลก การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและสถานการณ์การสู้รบ

ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะสามเดือนในไตรมาส 4/2566 ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 จากระดับ 51.02 จุด มาอยู่ที่ระดับ 53.74 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือคิดเป็น 5.34% มีสาเหตุมาจากการอ่อนค่าของเงินบาท ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย และความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มองกรอบราคา Gold Spot เฉลี่ย 1,799-1,971 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ช่วงเดือนตุลาคมเฉลี่ย 31,900-33,600 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และค่าเงินบาท เฉลี่ย 35.91-37.35 บาทต่อดอลลาร์

ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360” ว่า ราคาทองคำที่ขึ้นมาเยอะช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มาจากปัจจัยเรื่องสงครามอิสราเอล-ฮามาส เป็นหลัก จากราคา 32,000 บาท มาที่ระดับ 34,000 บาท และไม่ใช่สงครามเดียว เพราะก่อนหน้านี้เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยังไม่จบ

“ทำไมมีสงครามแล้วราคาทองขึ้น เพราะทองชอบเงินฟ้อ เงินเฟ้อเยอะ ทองยิ่งขึ้น พอมีสงคราม ข้าวของจะแพง กรณีสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเป็นประเทศส่งออกข้าวสาลี ส่งออกน้ำมัน เราเห็นข้าวสาลีแพงขึ้นมาก แต่ประเทศไทยโชคดีเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่ประเทศในยุโรปราคาอาหารพุ่งขึ้นเยอะมากจนคนยุโรปออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา”

“พอมาถึงสงครามอิสราเอล หากลำพังความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มปาเลสไตน์ ไม่ได้มีผลกระทบกับโลกมาก แต่เบื้องหลังน่ากลัว เพราะอิสราเอลหนุนหลังโดยสหรัฐอเมริกา ส่วนปาเลสไตน์มีประเทศรอบๆ เยอะไปหมด เกิดจินตนาการว่า สงครามรอบนี้จะไม่ใช่แค่สงครามระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ แต่เป็นสงครามระหว่างอเมริกากับประเทศที่อาจรวมกันและเป็นเรื่องใหญ่ ด้วยเทรนด์ที่ไม่ยอมกัน บวกกับรัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบ สงครามยืดเยื้อ จากเดิมเกิดสงครามจุดเดียวเพิ่มเป็นสองจุดและจะเกิดจุดอื่นอีกหรือไม่ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอเมริกายังตึงเครียดและเรื้อรังหลายปี”

นั่นทำให้กลุ่มนักลงทุนเก็งกำไร ทั้งราคาน้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค ข้าวสาลี และทองคำ

แต่ถามว่า ราคาทองคำจะขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้นจนถึงสิ้นปีหรือไม่  ธีรรัฐคาดการณ์ว่า ขณะนี้ราคาทองคำขึ้นมาเยอะแล้ว จนถึงสิ้นปีอาจขึ้นได้ไม่เยอะและอาจลงด้วย

“นิสัยของทองคำเมื่อราคาขึ้นเยอะจะพักตัว แต่ไม่ใช่ไม่ขึ้นแล้ว ปีหน้าขึ้นอีก หากมองระยะแค่สิ้นปี อาจทรงตัวแถวๆ ราคาปัจจุบัน เพราะทองคำไทยได้ปัจจัยจากค่าเงินบาทอ่อน ซึ่งช่วงปลายปีประเทศไทยเริ่มส่งออกมากขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น เงินบาทมีสิทธิ์แข็งค่าได้”

ส่วนช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือพฤติกรรมซื้อทองคำแจกโบนัสปลายปีอาจช่วยได้ไม่เยอะ ไม่เหมือนช่วง 20-30 ปีก่อน เพราะวอลุ่มการซื้อขายทองมาจากกลุ่มนักลงทุน มูลค่ามหาศาล เปรียบเทียบกับการซื้อแจกลูกหลานในช่วงเทศกาลตรุษจีน วอลุ่มซื้อขายแค่เล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะราคาทองคำพุ่งสูงอาจส่งผลให้ตลาดซบเซากว่าช่วงปกติ เนื่องจากลูกค้าต้องมีเงิน โดยขณะนี้จำนวนคนซื้อจะน้อยลงเพราะทองคำแพงมาก คนไม่กล้าซื้อและขายไปก่อนหน้านี้มากแล้ว ลักษณะคนซื้อไม่กล้าซื้อ คนขายหมดนานแล้ว จะซื้อใหม่ ซื้อไม่ไหว ต้องรอจังหวะให้ราคาปรับลดลงมา

ธีรรัฐกล่าวว่า เมื่อสิบปีที่แล้ว ราคาทองคำเคยขึ้นมา 20,000 กว่าบาท ตอนนั้นผู้คนรู้สึกแพงมาก ตลาดซบเซา แต่เมื่อผู้คนชินกับราคาจะกลับมาซื้อปกติ ดังนั้น เท่าที่ผ่านสถานการณ์ราคาทองคำพุ่งสูงมากหลายครั้ง คนซื้อต้องใช้เวลาปรับตัว ตอนนี้ยังไม่ยอมซื้อที่ระดับราคา 34,000 บาท แต่เมื่อราคาลงมาแถวๆ 32,000 บาท นักสะสมและนักลงทุนจะกลับมาซื้อและซื้อปริมาณมากด้วย

สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลกระทบตลาดทองคำไม่มาก เพราะทองคำอยู่คู่คนไทยมานานแล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร คนเคยซื้อทองคำ อย่างไรต้องซื้ออยู่แล้ว ไม่ว่าทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง ซื้อสะสมหรือซื้อลงทุน อาจต้องใช้เวลาสะสมเงินนาน ถ้าทองแพงมาก

ทว่า สิ่งสำคัญสูงสุด คือ การศึกษา ไม่ว่าลงทุนทองคำ ตราสาร หุ้น พันธบัตร ที่มีความเสี่ยง ยิ่งมีมิจฉาชีพแฝงตัวมาก ยิ่งต้องศึกษาและอย่าลงทุนตามกระแส สุดท้ายจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

“การลงทุนทองคำแท่ง ไม่มีใครสามารถการันตีผลตอบแทน อยู่ที่จังหวะการซื้อขาย ใครเสนอผลตอบแทนและใช้บัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคล ไม่ใช่ชื่อบริษัท คิดได้ทันทีเป็นบัญชีม้าและแก๊งมิจฉาชีพ หลอกลวงแน่นอน”.

ถนนมังกร เยาวราช ตลาดค้าทองเก่าแก่ 120ปี

ถนนเยาวราช ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ได้รับการกล่าวขานเป็น “ถนนมังกร” มีจุดเริ่มต้นของหัวมังกรที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บริเวณวงเวียนโอเดียน ท้องมังกรบริเวณตลาดเก่าเยาวราช และสิ้นสุดปลายหางที่ปลายสุดของถนน สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ ปี 2434-2443

เดิมทีมีชื่อ “ถนนยุพราช” และได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า ถนนเยาวราช ถือเป็นแหล่งชุมชนชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมาก เกิดย่านธุรกิจการค้า การเงินการธนาคาร ร้านทอง ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ  ถือเป็นไชน่าทาวน์ ชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ในส่วนห้างทองหรือร้านขายทอง มีจำนวนมากและมีมานานกว่า 120 ปี จนเรียกขานว่า ถนนสายทองคำ เริ่มต้นจากชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทย นำภูมิความรู้การผลิตทองรูปพรรณมาผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับทองในย่านเยาวราช ซึ่งช่วงแรกยังไม่มีหน้าร้าน เป็นการผลิตตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง เจ้าของร้าน คือช่างทองผลิตและจำหน่ายทองเอง

หลายร้านมีอายุความเก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยร้านขายทองเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย คือ ห้างทองตั้งโต๊ะกัง ก่อตั้งโดยนายโต๊ะกัง แซ่ตั้ง ชาวจีนโพ้นทะเลที่ริเริ่มอาชีพช่างทองในกรุงเทพฯ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่มาจดทะเบียนการค้าในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

แรกเริ่ม นายโต๊ะกังเปิดร้านทองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทายาทรุ่นต่อมาก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ รูปแบบสถาปัตยกรรมอาณานิคมสูง 7 ชั้น พร้อมกับได้รับพระราชทานตราตั้งครุฑจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ชั้นล่างเป็นพื้นที่จำหน่ายทองคำทองรูปพรรณทั่วไป ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ทองคำ จัดแสดงเครื่องมือทำทองและอุปกรณ์ทำทอง

ปัจจุบันร้านค้าทองในเยาวราชขยายรูปแบบเป็นธุรกิจมากขึ้น โดยแต่ละร้านจ้างคนงานและช่างทอง  ใช้เทคโนโลยีช่วยการผลิตเชิงอุตสาหกรรม แต่สินค้าทำมือยังคงได้รับความนิยม เพราะมีความประณีตละเอียดอ่อน ทองที่จำหน่ายในร้านย่านเยาวราชมีค่าความบริสุทธิ์ 96.5% (23.16 K)

ร้านค้าทองทุกร้านมีหน้าร้านและวางจำหน่ายทั้งทองคำแท่ง เหรียญทองคำ และทองรูปพรรณในตู้โชว์กระจกสีแดง คนทั่วไปนิยมเรียก “ทองตู้แดง” เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้ง่ายและเลือกซื้อได้ทันที.