วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 10, 2024
Home > Cover Story > “ไอริส โกลด์” เราอยากเห็นลูกค้าใส่ทองได้ในทุกวัน

“ไอริส โกลด์” เราอยากเห็นลูกค้าใส่ทองได้ในทุกวัน

“เราขายทองกันเยอะ แต่ถึงอย่างนั้นเรามักไม่ค่อยเห็นใครใส่ทองบนท้องถนนเลย ส่วนใหญ่ทองถูกเก็บไว้ที่บ้าน ในตู้เซฟ หรือไม่ก็ฝากธนาคาร คุณแม่เลยมองว่าอยากทำทองที่สามารถใส่ได้ทุกวัน และเป็นทองที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า แบบซื้อมาใส่ได้ ไม่ใช่ซื้อไปเก็บ” ฐิติรัตน์ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์ (CBO) กลุ่มบริษัท ออสสิริส จำกัด เล่าถึงที่มาของ “ไอริส โกลด์” แบรนด์ทองรูปพรรณที่อยากเห็นลูกค้าใส่ทองในชีวิตประจำวันมากขึ้น

หลังจากแยกออกมาเปิดบริษัท ออสสิริส จำกัด ผู้จำหน่ายทองคำแท่งเพื่อการลงทุนและเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนทองคำแท่งแห่งแรกในประเทศไทยแล้ว “บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” ทายาทรุ่น 3 แห่งบ้านช่างทองและภรรยาจึงตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์ทองคำรูปพรรณใหม่ในชื่อ ‘ไอริส โกลด์’ (IRIS GOLD) เพื่อกลับเข้าสู่วงการขายส่งทองรูปพรรณอีกครั้ง โดยปัจจุบันมีบุตรสาวอย่าง ‘คุณฟ้า-ฐิติรัตน์ สิริภัทรวณิช’ เป็นผู้ดูแล

“ไอริส” เป็นร้านขายทองรูปพรรณที่มีทั้งขายส่งและขายปลีก แต่ในระยะแรกลายทองรูปพรรณยังไม่หลากหลายมากนัก และเป็นการทำธุรกิจในลักษณะ B2B เป็นหลัก กระทั่งคุณฟ้าได้เข้ามาดูแลภาพรวมและเห็นว่าสินค้าที่มีอยู่มีดีไซน์ที่จำกัด จึงใช้สิ่งที่เรียนมาประกอบกับประสบการณ์และความชอบส่วนตัวมาปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์และดีไซน์ของตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นเครื่องประดับทองที่เหมาะกับทุกเจเนอเรชันและสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

“เมื่อก่อนทองรูปพรรณของเราเป็นสไตล์งานทองสุโขทัย งานเพชรบุรี ลูกค้าแน่นและกำลังซื้อเยอะ แต่ส่วนใหญ่คนจะใส่ทองเฉพาะออกงาน ไม่ค่อยเห็นใส่กันในชีวิตประจำวัน ช่วงแรกที่เข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้าน ไอริสยังทำแค่ขายส่งทองรูปพรรณ พอเข้ามาก็ทำให้เป็นค้าปลีกด้วยเพื่อทำให้คนรู้จักในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงปรับดีไซน์ของทองรูปพรรณให้คนหันมาใส่จริงๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องทำให้เขาเห็นว่าการใส่ทองไม่ได้ทำให้ดูแก่”

สำหรับคุณฟ้า-ฐิติรัตน์ แม้จะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจจิวเวลรี แต่เธอเลือกที่จะเรียนทางแฟชั่นดีไซน์แทน เพราะความชอบส่วนตัวและการเปิดกว้างของครอบครัว ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเธอสามารถนำองค์ความรู้ด้านการดีไซน์และการติดตามเทรนด์มาใช้ในธุรกิจจิวเวลรีของครอบครัวได้อย่างลงตัว

“เรียนตามความชอบ พ่อแม่ไม่ได้บังคับว่าจบแล้วต้องมาช่วยงานที่ร้าน ฟ้าเป็นคนชอบดีไซน์ การแต่งตัว ความสวยความงาม จำได้ตอนที่ฟ้าตัดสินใจว่าจะเรียนดีไซน์จิวเวลรี หรือดีไซน์แฟชั่น พ่อแม่บอกด้วยซ้ำว่า ถ้าคิดว่าจะเลือกเรียนจิวเวลรีเพราะแค่ที่บ้านทำ อย่าเลือก เขาเชียร์ให้เลือกแฟชั่นมากกว่าเพราะมันกว้างกว่าจิวเวลรี”

“ตอนทำธีสิสจบ ฟ้าทำเรื่องผ้าไหมจากโจทย์ที่ว่าใช้การดีไซน์แก้ไขปัญหาที่ตลาดแฟชั่นประสบอยู่ ซึ่งตอนนั้นคนรุ่นใหม่ไม่นิยมใส่ผ้าไหม พอศึกษาไปเราพบว่าปัญหามันมาจากการดีไซน์ ไม่ใด้มาจากตัววัสดุ เราก็เอาดีไซน์ไปจับ พอเรียนจบมาทำทอง มันคือโจทย์ที่คล้ายกัน ทองกับผ้าไหมเหมือนกัน แต่คนรุ่นใหม่ไม่ใส่ทั้งทองและผ้าไหม ดังนั้น การดีไซน์ที่ทันสมัย ศึกษาเทรนด์ของผู้บริโภคน่าจะสามารถแก้ปัญหาได้”

นั่นจึงทำให้ในปัจจุบันไอริสมีการปรับดีไซน์ของทองให้ดูทันสมัยและตามเทรนด์มากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความทันสมัยของงานดีไซน์ ที่ต้องมาพร้อมกับคุณภาพ และราคาที่จับต้องได้” แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งงานในรูปแบบเดิมที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า

และด้วยความที่เป็นแบรนด์ทองรูปพรรณที่โตมาจากผู้ประกอบการทองคำรายใหญ่อย่างบ้านช่างทองและออสสิริสทำให้ไอริสมีช่างทองและทีมดีไซเนอร์อยู่ในมือหลายคน รวมถึงมีโรงงานทำทองเป็นของตัวเอง การเพิ่มดีไซน์ที่ดูทันสมัย เพื่อนำเสนอลวดลายใหม่ๆ ที่ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างเจนฯ 4 อย่างคุณฟ้าและทีมงานจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ท้าทายคือการนำเสนอออกสู่ตลาดและการตอบรับจากลูกค้า

สำหรับโรงงานผลิตของไอริสตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี เจมโมโปลิส ซึ่งเป็นนิคมฯ สำหรับโรงงานจิวเวลรีโดยเฉพาะ โดยกระบวนการผลิตทองทั้งหมดจะทำที่โรงงานแห่งนี้ ตั้งแต่รับเป็นทองเกรน หลอม ขึ้นรูป แพ็ก ซีล จบที่เดียว จะได้เห็นผลงานของโรงงานอีกครั้งต้องอยู่ในซีลเรียบร้อย เพราะเป็นมาตรฐานของทางไอริส

“เรามีทีมดีไซเนอร์อยู่แล้ว เราก็มาคิดว่าจะโปรโมตยังไงให้มันดูทันสมัยมากขึ้น น่าสนใจ ไม่ดูแก่เกินไป ผนวกกับเรื่องของเทรนด์ เพราะเป็นคนติดตามเทรนด์ เราก็รีเสิร์ชเทรนด์แล้วย่อยออกมา เอาไปคุยและทำงานร่วมกับทีมดีไซเนอร์ ก็บอกเขาว่าแบบนี้กำลังมานะ ลองเอาไปทำ”

เธอเล่าต่อว่าเทรนด์เครื่องประดับตอนนี้คนชอบสไตล์มินิมอล เล็กๆ เกาหลีๆ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เริ่มมาก่อนช่วงโควิด-19 แล้ว  พอยิ่งช่วงโควิดที่คนออกไปไหนไม่ได้ ก็อยู่แต่ในบ้าน ดูแต่ซีรีส์เพราะมันไม่มีอะไรทำ อิทธิพลเกาหลีก็เข้าหนักมาก ทั้งการแต่งตัวและจิวเวลรีทุกอย่างมาหมด จึงเริ่มนำเอาดีไซน์มินิมอลและเกาหลีมาปรับใช้

ดังนั้น นอกจากงานทองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ความงามแบบดั้งเดิมแล้ว เรายังได้เห็นทองรูปพรรณที่มีดีไซน์ทันสมัยสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น อย่าง แหวนรูปหัวใจ แหวนรูปดอกไม้ แหวนทองมีเพชรเม็ดเล็กๆ เรียงกัน สร้อยข้อมือทองแบบมินิมอล และอื่นๆ วางจำหน่ายอยู่รวมกัน

“เรามีทั้งงานทองที่เรียกว่า ‘เซตมาสเตอร์’ งานใหญ่ๆ ไปจนถึงงานที่ใส่เล่นได้ในชีวิตประจำวัน พยายามทำให้ครบ มีทั้งที่เป็นทอง 99.99% และ 96.5% เราอยากให้คนเจนฯ ใหม่กล้าใส่ทอง เหมือนอยากให้เขากล้าใส่ผ้าไหม เพราะมันมาจากเพนพอยต์อันเดียวกัน คือการดีไซน์ เราจึงดีไซน์ทองให้ดูทันสมัย อยากให้ทองใส่ได้ในชีวิตประจำวันแบบ Everyday Look ไม่ดูแก่ และไม่ดูเก่า”

ที่ผ่านมางานทองรูปพรรณดีไซน์ใหม่ของไอริสได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่พนักงานออฟฟิศที่มักมาซื้อเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ อย่างสร้อยข้อมือ แหวน ไปใส่เล่น พอสัก 3-4 เดือน ก็จะนำเส้นเดิมมาขายและจ่ายส่วนต่างเพื่อซื้อเส้นใหม่ไปใส่

นอกจากการปรับดีไซน์ของทองแล้ว ไอริสยังมีการปรับกลยุทธ์การตลาดโดยใช้โซเชียลมีเดียส์ในช่องทางต่างๆ มากขึ้น ทั้งการสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กเพจ อินสตาแกรม ถ่ายรูปสินค้าและเครื่องประดับแบบใหม่ที่ไม่จำกัดแค่ถ่ายกับผ้ากำมะหยี่แบบเดิม และโปรโมตผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น

ปัจจุบันร้านขายส่งทองรูปพรรณของไอริส โกลด์ มีสาขาทั้งที่กรุงเทพฯ และตามจังหวัดใหญ่ๆ ทั้งพิษณุโลก สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ นครราชสีมา และสงขลา ซึ่งนั่นถือเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าไปสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี.