วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 10, 2024
Home > New&Trend > PJW สบช่องเทิร์นอะราวด์ ปรับเป้าปี 64 โต 8-10% ส่งซิกครึ่งปีหลังโดดเด่น

PJW สบช่องเทิร์นอะราวด์ ปรับเป้าปี 64 โต 8-10% ส่งซิกครึ่งปีหลังโดดเด่น

PJW สบช่องเทิร์นอะราวด์ ปรับเป้าปี 64 โต 8-10% ส่งซิกครึ่งปีหลังโดดเด่น ออเดอร์เพียบ เล็งโกยรายได้ Medical เข้ากระเป๋า 50 ลบ.

บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ประกาศลั่นปีนี้ธุรกิจกลับมาเทิร์นอะราวด์ พร้อมปรับเป้ารายได้โต 8-10% หลังยอดออเดอร์กลับสู่ภาวะปกติ มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง พร้อมส่งซิกเตรียมโกยรายได้จากไลน์ธุรกิจใหม่ Medical เข้ากระเป๋าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ด้านโบรกฯประสานเสียง เชียร์ซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 6.25 – 6.60 บาท

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวดและฝาและชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ เปิดเผยถึงแนวโน้มทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยมุ่งสู่การต่อยอดการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เป้าหมาย New S-curve อย่างต่อเนื่อง

พร้อมทั้งเชื่อว่าในปีนี้ PJW จะกลับเข้าสู่การเทิร์นอะราวด์ (Turnaround) โดยบริษัทฯ มีการปรับเป้าหมายอัตราการเติบโตในปีนี้เป็น 8 -10 % ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ช่วงต้นปีที่ระดับ 5 -10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,819.83 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 20 % จากปี 2563 มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.92 % ทั้งนี้เป็นผลจากการวางกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ภายใต้แนวคิดการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive Maintenance หรือ TPM) เพื่อลดความสูญเสียเปล่าที่เกิดขึ้น จากการที่ต้องหยุดผลิต และความเสียเปล่าที่เกิดจากการผลิตของเสีย (Defect)

ประกอบกับยอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะเห็นได้จากออเดอร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เริ่มทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ที่มีออเดอร์การเติบโตอย่างโดดเด่นที่สุด ขณะที่ออเดอร์ชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์โมเดลใหม่ ก็ได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เป็นผลจากการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก โดยประเทศไทยมีการส่งออกรถยนต์และชิ้นรถยนต์อยู่ 50-60 % ส่วนอีก 40-50 % เป็นการจำหน่ายในประเทศ ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวดและฝานั้น มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งกลุ่มนมเปรี้ยว น้ำมันเครื่อง และ Consumer

“ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก จากประเทศจีน มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นอีก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนที่คลี่คลาย และมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”

ทั้งนี้ นอกจากธุรกิจเดิมแล้ว บริษัทฯ ยังแตกไลน์ในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Disposable Medical Devices) อาทิ ไซริงค์พลาสติก, วาล์ว สายน้ำเกลือ, เข็มฉีดยา โดยบริษัทฯ เตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเข้ามาภายในไตรมาส 4/2564 กว่า40 – 50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างขั้นตอนของการจัดตั้งบริษัทย่อย และขอใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

“แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็คาดว่าในครึ่งปีหลังทุกอย่างจะกลับมาพลิกฟื้น หลังจากมีการกระจายการฉีดวัคซีนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ประกอบกับมองว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเริ่มทยอยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง อาทิ นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยง รวมถึงการกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันให้ภาพรวมธุรกิจในปีนี้กลับมาเทิร์นอะราวด์ โดยจะเริ่มเห็นชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันการเริ่มของธุรกิจผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical ที่จะมาสร้าง New S-curve ให้กับ PJW ในอนาคต” ประธานกรรมการบริหาร กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” PJW โดยให้ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท โดยให้น้ำหนักต่อกรณีโรงงานในจีนที่จะขาดทุนลดลง และเริ่มสร้างกำไรได้ในปี 2565 หลังลูกค้าในจีนฟื้นจากโควิด-19 และเตรียมเจรจากับลูกค้าขยายอายุสัญญาต่อไปอีก 3 ปี ส่วนการขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับนม และสินค้าอุปโภคบริโภค ได้อานิสงส์จากการเปิดเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดกำไร ปี 2564 – 2565 โต40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE 20 เท่าแต่ PEG ต่ำเพียง 0.5

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 6.25 บาท อ้างอิง PER ที่ 23.8 เท่า โดยในปี 2564 บริษัทคาดกำไรขั้นต้นเติบโตราว 1% และรายได้เติบโตราว 5-10% พร้อมมุมมองเป็นบวกต่อเนื่องไปยังปี 2565 โดยจับตาความชัดเจนของไลน์ธุรกิจใหม่ของบริษัทคาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งจะเข้ามาหนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ใส่ความเห็น