วันเสาร์, พฤศจิกายน 9, 2024
Home > PR News > ไอ.ซี.ซี.ฯ รุก-ขยายฐานตลาดกลุ่มรองเท้าสตรี ชนกลุ่มตลาดรองเท้าสปอร์ตที่ยึดฐานลูกค้าถึง 50%

ไอ.ซี.ซี.ฯ รุก-ขยายฐานตลาดกลุ่มรองเท้าสตรี ชนกลุ่มตลาดรองเท้าสปอร์ตที่ยึดฐานลูกค้าถึง 50%

ไอ.ซี.ซี.ฯ รุก-ขยายฐานตลาดกลุ่มรองเท้าสตรี ชนกลุ่มตลาดรองเท้าสปอร์ตที่ยึดฐานลูกค้าถึง 50% เตรียมปรับตัวหาสิ่งใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้าอยู่ตลอดเวลา หวังตั้งเป้ายอดรองเท้าระดับตำนาน อย่างแนทเธอร์ไลค์เซอร์ (Naturalizer) ไว้ที่ 300 กว่าล้านบาท เสริมทัพสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มฐานลูกค้าเด็กเพิ่ม บวกกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป หลังเน้นกลุ่มฐานลูกค้าวัย 35 ปี ขึ้นไปมาตลอดหลายสิบปี นอกจากนี้ยังเตรียมขยายฐานตลาดรองเท้าสตรีของ ไอ.ซี.ซี.ฯ อย่างแบรนด์รองเท้ารีกัล ผู้หญิง (Regal Ladies) แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น เบล์ล แอนด์ โซฟา (Belle&Sofa) แอลล์ (Elle) บีเอสซี (BSC) เพิ่มมากขึ้นด้วยการเปิดร้าน Shop in Shop เป็น Multi Brand Shop ที่ห้างสยามทาคาชิมายะ ดิไอคอนสยาม ชั้น 2 แผนกรองเท้าสตรี พร้อมเปิดให้บริการรูปแบบใหม่ “Easy Order”เป็นครั้งแรกของ ไอ.ซี.ซี.

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ณ ชั้น 2 ห้างสยามทาคาชิมายะ ดิไอคอนสยาม โดยมี คุณคณิศร สุยะนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรองเท้า บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมของรองเท้าสตรีในบริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ว่า ตลาดรองเท้าในปัจจุบัน เติบโตอย่างที่เห็นๆ กันคือในกลุ่มของรองเท้าที่เป็นกลุ่ม สปอร์ต สัดส่วนรองเท้าประเภทนี้กินไปถึง 50% ในตลาดก็ว่าได้ เราเองจึงต้องปรับตัวหาสิ่งใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้าอยู่เสมอ สำหรับรองเท้าระดับตำนานอย่าง “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” เอง เราตั้งเป้าโตจากปีที่แล้วประมาณ 30% มีมูลค่าตลาด 300 กว่าล้านบาทต่อปี และเราเตรียมเสริมทัพการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น หลังพบว่าพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเยอะต่างจากในอดีต

“ในส่วนของคู่แข่งเรามองว่า ใครรักษาฐานลูกค้าไว้ได้มากที่สุด แบรนด์นั้นจะได้เปรียบ เราจึงไม่ได้มองเรื่องประเด็นคู่แข่งมากนัก แต่มองที่จุดเด่น และจุดดีของเรามากกว่า ที่เรามีการบริการที่โดดเด่นอย่างเช่น การรับสั่งตัด หรือการดูแลลูกค้าในเรื่องของการซ่อมสินค้า การเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้า ในประเทศ โดยเฉพาะ แบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” เองมีประมาณ 144 ร้านค้า ส่วนร้านค้าในต่างประเทศมีที่พม่าและลาว กลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าเดิมของเราจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมที่อยู่ด้วยกันมานาน อายุจะอยู่ในช่วง 35 ปีขึ้นไป เราจึงต้องขยายฐานลูกค้าออกไปโดยหากลุ่มใหม่ที่เด็กลงเพิ่มเติม โดยเพิ่มทั้งบริการและเพิ่มทั้งสินค้าเพื่อให้ตอบสนองกับกลุ่มเหล่านี้ประมาณ 20% โดยเป็นสินค้าที่เป็นส้นสูงด้วย เน้นในเรื่องของความสบายเป็นหลัก ที่สามารถจะใส่ส้นสูงให้ได้ตลอดทั้งวัน เราจึงอยากให้มาลองสินค้าของเราแล้วค่อยตัดสินใจ”

คุณคณิศร ยังกล่าวต่อว่าการเปิด Shop in Shop เป็น Multi Brand Shop ที่ชั้น 2 แผนกรองเท้าสตรี ห้างสยามทาคาชิมายะ ดิไอคอนสยาม ว่าสำหรับมัลติแบรนด์ช้อป ที่ สยามทาคาชิมายะนี้ เป็นสาขาแรกที่มีแบรนด์รองเท้ามารวมกัน และเป็น ช้อปที่สามารถเลือกรองเท้าได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถสั่งตัดได้ในรูปแบบต่างๆ ที่เราได้เตรียมไว้ เรามองว่าที่ห้างสยามทาคาชิมายะ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัย และกลุ่มคนใหม่ๆ เข้ามาเดินเยอะ เราน่าจะได้ลูกค้าใหม่ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ จากตรงนี้ ยอดขายที่เราคาดหวังที่จะได้จากร้านค้าใหม่นี้ประมาณ สามแสนถึงห้าแสนบาท

“พูดถึงเรื่องแตกไลน์แบรนด์รองเท้าคิดว่า ตอนนี้น่าจะยังไม่ลงทุน กับแบรนด์ใหม่ๆ เพราะแบรนด์ที่เรามีอยู่เราสามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ เสริมด้วยเรื่องการบริการ การรักษาลูกค้าให้โดดเด่นมากกว่าเดิม และเราคาดว่าเราจะขยายในเรื่องของรองเท้าสั่งตัดให้เพิ่มขึ้นมากกว่า เช่น การเพิ่มแบบสินค้า เพิ่มช่องทางการสั่ง หรือแม้แต่การบริการหลังการขาย”

และ Shop in Shop เป็น Multi Brand Shopชั้น 2 แผนกรองเท้าสตรี ห้างสยามทาคาชิมายะ ดิไอคอนสยามนี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการบริการแนวใหม่ “Easy Order” ก่อนจะขยายบริการดังกล่าวสู่ร้านค้าของรองเท้าแบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” จำนวน 144 สาขาทั่วประเทศ และ อีก 5 ร้านค้าของแบรนด์รองเท้ารีกัล ผู้หญิง ซึ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายรองเท้า บริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“การรับสั่งตัดของเราจริงๆ แล้วเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเริ่มจากแบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” ก่อน ซึ่งเราเห็นว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไปมากในยุค 5.0 ที่ดูจะเป็นยุคอะไรๆ ก็ต้องเป็น Personalization ไปหมด เราจึงมองแล้วว่า ในขณะที่เรามีโรงงานผู้ผลิตเป็นของตัวเองและเป็นโรงงานที่มีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรองเท้า จึงมองเป็นจุดที่ดี และประกอบกับ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” เอง มี 144 ร้านค้าทั่วประเทศ เราเริ่มอย่างจริงจังเมื่อปลายไตรมาสที่ 1 โดยเริ่มจาก 20 ร้านค้าในกรุงเทพก่อน กระแสตอบรับค่อนข้างดี จากนั้นเราจึงเริ่มกระจายสู่ร้านค้าต่างจังหวัดเป็น 50 ร้านค้า ทำให้ยอดขายในไตรมาสที่ 1 เพิ่มขึ้นมาประมาณ 5% และไตรมาส 2 เติบโตขึ้นเป็น 10% เราจึงขยายร้านค้าไปทั่วประเทศ ในการรับสั่งตัด เราให้ลูกค้าเลือกแบบที่หน้าร้านค้า โดยที่หน้าร้านค้าเรามีหลากหลายความสูงให้เลือก ลูกค้าสามารถเลือกสีได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ซึ่งเราก็มีให้เลือกถึง 20 สี และมีทั้งหนังวัวและหนังแกะให้เลือกตามความชอบและโอกาส แบบที่เรารองรับการสั่งตัดเบื้องต้นเรามีประมาณ 7 แบบ ประมาณ 5 ความสูง ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งตัดรองเท้าที่เป็นคัทชู แล้วเลือกสีที่ตัวเองชอบ บางคนก็ตัดครบสีเลย ลูกค้าจะได้ลองไซส์ที่หน้าร้านค้าและมีพนักงานขายที่เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ จนได้ไซส์ที่ถูกต้อง การสั่งตัดใช้ระยะเวลา 14 วันทำการ โดยลูกค้าชำระเงินที่หน้าร้านค้าแล้วเลือกได้ว่าจะมารับด้วยตนเองที่ร้านค้าหรือให้ส่งไปที่บ้านหรือที่ทำงาน และในไตรมาสที่ 4 เราก็ได้เพิ่มรูปแบบที่เป็นไลฟ์สไตล์ ที่ดูแอคทีฟมากขึ้น ทำให้เกิดการคล่องตัว คาดว่าจะมียอดขายจากกลุ่มใหม่นี้ประมาณ 5%”

พร้อมกันนี้คุณคณิศร ยังได้กล่าวถึงงบการทำตลาดของผลิตภัณฑ์รองเท้าทั้งหมดของบริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ว่า งบการทำตลาดในปัจจุบันเราใช้ประมาณ 5% โดยที่จะหนักไปทางออนไลน์มากกว่า เพราะลูกค้าเราในปัจจุบันมีการแอคทีฟมากในช่องทางเฟสบุ๊ค naturalizer.thailand ของเราเอง ซึ่งเป็นทั้งตัวกลางในการสื่อสารประชาสัมพันธ์และคอยตอบข้อซักถามให้คำแนะนำกับลูกค้าได้ โดยเราจะพยายามรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้าเป็นอย่างมาก และเน้นในเรื่องของการบริการ ไม่ว่าจะเป็นบริการทั้งก่อนการขายหรือหลังการขาย โดยไตรมาส 3-4 นี้ เราเพิ่มช่องทางในการขายออนไลน์มากขึ้น เช่น เว็บไซต์ ethailandbest.com ของเราเอง และเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ เช่น ลาซาด้า โอชอปปิ้ง หรือช่องทางทางทีวีเอง และเราก็กำลังพัฒนาแอพพลิเคชั่นอยู่อีกด้วย

ใส่ความเห็น