วันอังคาร, ตุลาคม 8, 2024
Home > New&Trend > “NPP” ประกาศร่วมทุน “CP จีน” ตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ “Kinghill Food” ปักธงสร้างธุรกิจร้านอาหารไทยในประเทศจีน-หนุนรายได้โตก้าวกระโดด

“NPP” ประกาศร่วมทุน “CP จีน” ตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ “Kinghill Food” ปักธงสร้างธุรกิจร้านอาหารไทยในประเทศจีน-หนุนรายได้โตก้าวกระโดด

NPP ผนึกกำลัง กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ในประเทศจีน ตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ “Kinghill Food” ลุยสร้างธุรกิจร้านอาหารครบวงจร และอื่นๆ ในประเทศจีน พร้อมกับขยาย Franchise ทั่วประเทศจีน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนจีน เตรียมดีเดย์ เปิดสาขาแรกที่ เซี่ยงไฮ้ ภายในไตรมาส 4/2561 และหวังกำลังซื้อจากประชากรจีนที่สูงถึง 1,400 ล้านคน สร้างความมั่นใจต่อแผนขยายร้านอาหาร และขยาย Franchise model หนุนรายได้ธุรกิจอาหารใน 3 ปีข้างหน้าโต 3-4 เท่าตัว แย้มเปิดแบรนด์ที่จะเปิดเร็วๆ นี้

นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ NPP เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทในเครือ Kinghill Overseas Holdings Limited ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ในประเทศจีน ภายใต้ชื่อ “Kinghill Food” เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีน โดยสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Kinghill Food จำกัด แบ่งเป็น บริษัทในเครือ Kinghill Overseas Holdings Limited (บริษัทลูกในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในประเทศจีน) จำนวน 51% และบมจ. เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำนวน 49% โดยทาง Kinghill Overseas Holdings Limited เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากการร่วมมือทางธุรกิจกับ NPP ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพการขยายร้านอาหารต่างๆ รวมถึงการพัฒนาร้านอาหารในประเทศจีนมากขึ้น

สำหรับวัตถุประสงค์ความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อนำแบรนด์ร้านอาหารชั้นนำ อาทิ อาหารไทย อาหารทะเล ทั้งในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจำหน่ายในร้านอาหารในประเทศจีน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขยาย Franchise ไปทั่วประเทศจีนอีกด้วย โดยเบื้องต้นจะเปิดให้บริการสาขาแรกที่ เซี่ยงไฮ้ ภายในไตรมาส 4/2561 และคาดว่าจะเปิดสาขาเพิ่มที่ปักกิ่ง เฉิงตู ฉงชิ่ง เซินเจิ้น ตามลำดับ พร้อมทั้งมองว่า หากพิจารณาจากมูลค่าการตลาดและอัตราการเติบโตธุรกิจอาหารในประเทศจีน มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 20-30% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในจีน ที่มีการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น

สำหรับบริษัทในเครือ Kinghill Overseas Holdings Limited เป็นผู้ประกอบด้านธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ และช็อปปิ้งมอลล์ รายใหญ่สุดของประเทศจีน ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ จากจำนวนประชาการของจีนที่มีสูงถึง 1,400 ล้านคน ในการต่อยอดธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะ Franchise model ในประเทศจีนให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯต่อไป

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเล็งเห็นว่า กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP เป็นบริษัทชั้นนำที่มีความแข็งแกร่ง และมีการลงทุนไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีน เป็นหนึ่งในประเทศที่กลุ่ม CP ใช้เป็นฐานธุรกิจกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดย CP มีการลงทุนที่หลากหลายทั้งธุรกิจอาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในหัวเมืองต่างๆของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ลั่วหยาง ซีอาน เจิ้งโจว เหอเฟย์ อู๋ซี และยังคงขยายสู่เมืองอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ Super Brand Mall และ Touch Mall ซึ่งจัดเป็นกลุ่มพันธ์มิตรที่มีฐานธุรกิจครบวงจรที่เสริมความแข็งให้กับบริษัทฯในอนาคต

“การร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม CP จีน ครั้งนี้ ทาง NPP เป็นบริษัทไทยรายแรก ที่ผนึกกำลังการร่วมทุนในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯเป็นอย่างมาก เพราะกลุ่มธุรกิจ CP เป็นบริษัทผู้นำด้านธุรกิจอาหารในประเทศจีน ประกอบกับยังเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ในการจัดส่งอาหารไปยังร้านอาหารต่างประเทศในประเทศจีนเกือบทั้งหมด และยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อาทิ China Cuisine Association และ China Hospitality Association ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของจีน ดังนั้นจึงมองว่าการขยายตลาดในครั้งนี้จะส่งผลบวกกับ NPP และปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร้านอาหารชั้นนำของไทยทั้งอาหารไทย อาหารทะเล และอาหารอื่นๆอีกหลายร้าน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้” นายศุภจักร กล่าว

ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) หรือ NPP กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากแผนการพัฒนาแบบเชิงรุกในธุรกิจอาหารของ NPP ในครั้งนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าธุรกิจอาหารของ NPP จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มีรายได้ 600-700 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยาย Franchise model ไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ โดยในแต่ละแบรนด์มีแผนที่จะเปิดสาขาไม่น้อยกว่า 50 สาขาต่อแบรนด์ ดังนั้นการร่วมมือกับกลุ่ม CP ประเทศจีนครั้งนี้ จะยิ่งตอกย้ำการเปิดร้านอาหารที่จะทยอยเปิดได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนใน 4-5 ปีข้างหน้า จะผลักดันบริษัทฯดังกล่าว และบริษัทย่อยในประเทศจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

ใส่ความเห็น