“เราจะรู้ว่าลูกค้าเราคือใคร เราจะนำเสนออย่างง่ายๆ และให้ลูกค้าเข้าใจ โปรดักส์เรามากที่สุด”
คำกล่าวของ ซอง นัก เจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด หรือ โอ ช้อปปิ้ง ในงานแถลงผลความสำเร็จ หลังจับมือกับวาโก้ ผู้นำเบอร์หนึ่งตลาดชุดชั้นในไทย เปิดตลาดสินค้าแฟชั่นผ่าน ทีวี โฮมช้อปปิ้ง สร้างสถิติยอดขายสูงสุดในกลุ่มชุดชั้นใน โดยมียอดขายโตขึ้น 200% หลังจากบริษัทออกอากาศขายชุดชั้นในวาโก้มา 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.57)
ในขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทั้งหมดประมาณกว่า 300 รายการ โดยกลุ่มที่สามารถทำยอดขายได้สูงในช่วงครึ่งปีแรก คือกลุ่มชุดชั้นใน เครื่องสำอาง อาหารเสริม เครื่องประดับและแฟชั่นสตรี มีสัดส่วน 28%, สินค้าไอที 18.5%, เครื่องครัว 20.5%, เครื่องออกกำลังกาย 2.2% ซึ่งบริษัทสามารถทำยอดขายรวมได้ 500 ล้านบาท
และคาดว่าครึ่งปีหลังจะทำยอดขายได้ถึง 800 ล้านบาท รวมยอดขายทั้งปีอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 200% เมื่อเทียบกับปี 56 ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในวาโก้มาจำหน่าย ก็มีส่วนช่วยให้รายได้ของบริษัทสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้
ซึ่งตรงกับเป้าหมายของบริษัทที่จะเป็นเทรนด์เซตเตอร์ (Trend Setter) คัดสรรสินค้าให้ตรงความต้องการและโดนใจผู้บริโภคมากที่สุด
ในขณะที่เจ้าตลาดรายใหญ่ คือทีวี ไดเร็ค และทรูซีเล็คท์ โดยโอ ช้อปปิ้ง ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่ง 12% พร้อมตั้งเป้าหมายใน 3 ปีจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม 20% และมียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท นั่นหมายถึงการก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 หรือการขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่เป็นจุดเด่นและแตกต่างจากโฮมช้อปปิ้งช่องอื่น ซึ่งโอ ช้อปปิ้ง เคลมว่าเป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกการตลาดแนวนี้ คือการจัดส่งของให้ลูกค้าก่อน และให้ลูกค้าจ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้า และบริการส่งสินค้าฟรีทั่วไทย
นอกจากนี้ กลยุทธ์ทางการตลาดของโอ ช้อปปิ้ง ยังคงเน้นการเลือกคุณภาพสินค้า และการบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนกลุ่มเป้าหมายลูกค้าในประเทศจะมีสัดส่วนลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งลูกค้าต่างจังหวัด 40 : 60
โดยสัดส่วนดังกล่าวจะเห็นว่ากลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนสูงกว่า เนื่องจากในต่างจังหวัดลูกค้ามีความต้องการเครื่องสำอางดีๆ หรือเสื้อผ้า แฟชั่นสวยๆ ซึ่งตลาดออฟไลน์ ต่างจังหวัดจะมีสินค้าน้อย ธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง จึงเข้ามาตอบโจทย์ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้
จากเป้าหมายกลุ่มลูกค้าหลักปัจจุบัน 70% จะเป็นกลุ่มที่มีวัย 30-50 ปี โดยในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายกลุ่มลูกค้าไปที่เด็กและกลุ่มผู้ชาย ในขณะที่เทรนด์สินค้าประเภทไอทีและเครื่องออกกำลังกาย กำลังเป็นที่นิยมและมาแรง
กลยุทธ์การขยายช่องทางครึ่งปีหลัง โอ ช้อปปิ้ง มีแผนในการขยายช่องผ่านเคเบิลทีวีให้ครอบคลุมทุกเคเบิล ในขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องสถานีดาวเทียม 1 ช่อง เปิดขายสินค้า 24 ชั่วโมง และร่วมกับ Digital TV 2 ช่อง คือ GMM 1 และ GMM ชาแนล
ขณะที่ ซอง นัก เจ มีมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมของธุรกิจหลังมีทีวีดิจิตอล ว่าจะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดกระแสการบริโภคสื่อของคนในประเทศไปในทางที่ดี ทั้งในเรื่องการพัฒนาคุณภาพของสัญญาณ และการเพิ่มทางเลือกรับสื่อของผู้ชม
ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดี ทำให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่งการเข้าสู่ทีวีดิจิตอลของธุรกิจ โฮมช้อปปิ้ง ถือว่าเป็นโจทย์ใหม่ ที่เน้นและพัฒนารูปแบบการนำเสนอให้ได้ดี รวมถึงการคัดสรรสินค้าคุณภาพ รวมถึงบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้ามากขึ้น
ซึ่งอิทธิพลของทีวีดิจิตอลจะทำให้ธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง มีการแข่งขันกันสูงและดุเดือดอีกด้วย
“เรามองว่าทีวีดิจิตอลจะเป็นช่องทางใหม่ที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทั่วทั้งประเทศ ทุกแพลตฟอร์มการออกอากาศ จึงเป็นช่องทางที่ดีที่สำหรับการประชาสัมพันธ์ โอ ช้อปปิ้ง ส่วนกลยุทธ์และปัจจัยที่จะทำให้โอ ช้อปปิ้ง ประสบความสำเร็จ จะเน้นการเพิ่มสินค้าที่นำเสนอทาง TV program เพิ่มมากขึ้น โดยครึ่งปีหลังจะมีการวางเพิ่มอีก 10O-150 ชิ้น
ทั้งนี้ GMM CJ O shopping (บริษัท จีเอ็ม เอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด) ก่อตั้งเมื่อ 18 มิถุนายน 2555 ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโฮมช้อปปิ้ง เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และ CJ O Shopping จากประเทศเกาหลี และเป็นผู้นำตลาดโฮมชอปปิ้งอันดับ 2 ของโลก โดยร่วมทุนจดทะเบียนกว่า 540 ล้านบาท
โดยแกรมมี่ถือสัดส่วนหุ้น 51% และซีเจ โอ 49% โดยบริษัทในเครือ CJ หรือ CJ Corporation (Cheil Jedang Corporation) เป็นบริษัทที่มีรายได้สูงอันดับที่ 13 ของเกาหลี โดยได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มีเครือข่ายธุรกิจ 4 ด้าน คือ Food & Food service (อาหารและบริการด้านอาหาร) Bio & Pharma (ยาและเทคโนโลยีชีวภาพ) Home shopping & Logistic (โฮม ช้อปปิ้ง และขนส่งครบวงจร) และ Entertainment & Media (สื่อและความบันเทิงครบวงจร)
โดย O Shopping จะเป็นรายการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ละเอียดชัดเจนทุกแง่มุม ที่เรียกว่า Shopfotainment ซึ่งมาจาก Shopping, Informative, Entertainment
ขณะที่เบอร์หนึ่งชอปปิ้งออนไลน์ “ทีวีไดเร็ค” ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ก็ได้เตรียมแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องทั้งปี พร้อมแผนการควบคู่ เร่งขยายช่องทางจัดนำหน่ายและขยายสาขาต่างประเทศ ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้เข้าลงทุนใน 4 ประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ทีวีไดเร็ค (ลาว) จำกัด บริษัท ทีวีไดเร็ค (มาเลเซีย) จำกัด บริษัท ทีวี ดีไอ (เวียดนาม) จำกัด และบริษัท ไดเร็ค เรสพร้อนท์ (กัมพูชา) โดยทุกบริษัทมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาเลเซีย ที่เป็นอันดับ 1 ของโฮม ชอปปิ้ง ท้องถิ่น
ทั้งนี้ TVD วางเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 15% หรือทำรายได้ทะลุ 2,500 ล้านบาท จากปี 56 ที่มีรายได้ 2,231.25 ล้าน
เสมือนเป็นการตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี
จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป การช้อปปิ้งผ่านมือถือและแท็บเล็ตเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ธุรกิจการซื้อขายออนไลน์ขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ช้อปปิ้งออนไลน์” จึงเป็นอีกหนึ่งกระแสที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง