วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Home > Cover Story > “บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” สร้างทางเลือกการลงทุน จากทองคำสู่ “เงินแท่ง”

“บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” สร้างทางเลือกการลงทุน จากทองคำสู่ “เงินแท่ง”

หลังบุกเบิกธุรกิจค้าทองคำแท่งเพื่อการลงทุนเป็นรายแรกในประเทศไทยไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันนี้ “บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กำลังเปิดมิติใหม่ของการลงทุน ด้วยการผลักดัน “โลหะเงินแท่ง” จากมิติของการเป็นเครื่องประดับสู่การเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนในทองคำที่ราคาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

“มีการเปรียบเปรยกันไว้ว่า ‘Gold is King, Silver is Queen’ เพราะเป็นโลหะมีค่าเช่นเดียวกัน ออสสิริสเป็นบริษัทแรกๆ ที่ทำให้วิธีคิดการลงทุนในทองคำเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน นั่นทำให้ออสสิริสเป็นร้านทองร้านเดียวที่อยู่ในงาน Money Expo ในเวลานั้น แต่ตอนนี้มีเทรนด์ที่น่าสนใจที่ได้รับการคอนเฟิร์มจากต่างประเทศมาแล้ว นั่นคือการลงทุนในโลหะเงิน เรามีความเชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนทองคำแท่งมาแล้ว และเชื่อว่าสามารถนำความเชี่ยวชาญนั้นมาสร้างกลไกตลาดในการลงทุนในโลหะเงินได้เช่นเดียวกัน” บุญเลิศกล่าวถึงที่มาในการบุกตลาดการลงทุนในโลหะเงิน พร้อมเสริมว่า

ปัจจุบันตลาดการลงทุนโลกมีความสนใจในการลงทุนกับโลหะเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความสนใจของนักลงทุนหลักๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำที่พุ่งสูงอย่างไม่หยุดหย่อน จนปัจจุบันทะลุ 40,000 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาทไปแล้ว

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น ที่ล้วนผลักดันให้นักลงทุนหันไปหาแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยนอกเหนือจากทองคำ ซึ่ง “โลหะเงินแท่ง” เป็นอีกหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนเชื่อว่าจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ดี เพราะเป็นโลหะที่มีมูลค่าในตลาดการลงทุนและมีราคาต่ำกว่าทอง ซึ่งง่ายต่อการเข้าถึง

“ในอดีตรายได้ของคนที่จะเข้าถึงทองคำมันไม่ได้ยากขนาดนี้ แม่ค้าก็ซื้อทองได้ คนใช้แรงงานก็ซื้อได้ ผ่อนได้ แต่เดี๋ยวนี้ทองบาทละสี่หมื่น มันไม่ง่ายเลยในการเข้าถึง”
นอกจากนี้ เงินยังเป็นโลหะที่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ และรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) หรืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้โลหะเงินในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสในอนาคต

อีกปัจจัยสำคัญก็คือ การเติบโตของแพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มความนิยมในการซื้อขายโลหะมีค่ามากขึ้น ทำให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนในโลหะเงินแท่งได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่าตั้งแต่ต้นปี 2567 ราคาโลหะเงินปรับขึ้นราว 36.7% จาก 23.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ไปสู่จุดสูงสุดของปีที่ 32.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ราคาโลหะเงินในประเทศตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นราว 43.98% จาก 26,308 บาทต่อกิโลกรัม ไปสู่จุดสูงสุดของปีที่ 37,877 บาทต่อกิโลกรัม ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาราคาทองคำและโลหะเงินเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ค่า Gold to Silver Ratio ปัจจุบันอยู่ที่ 89 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 80 เท่า ซึ่งบ่งบอกว่าโลหะเงินยังคงมีราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับราคาทองคำ

“ในตลาดโลกโลหะเงินเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมรองจากทองคำ และมีศักยภาพในการเติบโตมากในอนาคต ไม่ถึง 2 ปี ราคาของเงินเพิ่มขึ้นมาถึง 2 เท่าตัว หากมองในมิติของนักลงทุนรายย่อย โลหะเงินแท่งมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าทองคำ ปัจจุบันมูลค่าทองคำกับโลหะเงินแตกต่างกันประมาณ 89 เท่า ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อเงินแท่งขนาดเล็กได้ ซึ่งมีผลให้นักลงทุนรายใหม่ๆ สนใจการลงทุนในเงินแท่งมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการปกป้องสินทรัพย์จากเงินเฟ้อ และกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก”

“ก่อนออกมาพูดเรื่องนี้ ออสสิริสใช้เวลาซุ่มหาข้อมูลมาเป็นปี ไม่ใช่แค่คอนเซ็ปต์หรือการเทรดดิ้ง แต่ต้องมีผลิตภัณฑ์รองรับ ซึ่งวันนี้เรามีผลิตภัณฑ์โลหะเงินแท่งออกมาเพื่อรองรับนักลงทุนแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่น้ำหนัก 1 บาท (15.2 กรัม) ซึ่งเป็นน้ำหนักที่คุ้นเคยสำหรับผู้ที่เคยลงทุนทองคำแต่จะมีราคาถูกกว่ามาก โดยเริ่มต้นไม่ถึง 1,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีเงินแท่งน้ำหนัก 5 บาท, 10 บาท และมีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กรัม จนถึง 1 กิโลกรัม ให้เลือก”

ปัจจุบันออสสิริสถือเป็นผู้นำเข้า แปรรูป และจัดจำหน่ายโลหะเงินรายใหญ่ของประเทศ มีผลิตภัณฑ์โลหะเงินทั้งแบบแท่ง (silver bar) และเงินเม็ด (silver grain) ซึ่งมีทั้งเงินแบบ Premium Silver เนื้อเงินนำเข้าที่ผ่านมาตรฐานสากล มีความเงางาม ขนาดเม็ดเงินสม่ำเสมอ และไร้ฝุ่นโลหะ, Recycle Silver เนื้อเงินสกัดรีไซเคิลจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจาก RJC (Responsible Jewellery Council) และ Origin Silver เนื้อเงินบริสุทธิ์จากแหล่งเหมืองแร่ในประเทศ

แม้โลหะเงินจะมีศักยภาพในการเติบโตและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่น่าจะไปได้ดี แต่ต้องยอมรับว่าการจูงใจให้คนมาลงทุนในโลหะเงินอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ยังคงนิยมและให้น้ำหนักกับทองคำเป็นหลัก และไม่คุ้นเคยกับโลหะเงินในฐานะการลงทุน ซึ่งนี่คือโจทย์ยากของออสสิริสที่จะต้องสร้างกลไกตลาด จูงใจนักลงทุน และทำให้การลงทุนในโลหะเงินเกิดขึ้นได้จริง

“วันนี้คนคุ้นชินกับราคาทองคำ ถ้าไปเดินตามท้องถนนแล้วถามว่าราคาทองคำอยู่ที่เท่าไร คนส่วนใหญ่น่าจะตอบได้เพราะเขาติดตามราคาทองเป็นประจำ แต่ถ้าถามว่าตอนนี้โลหะเงินบาทละเท่าไร กิโลกรัมละเท่าไร คนเขาไม่รู้ คนที่รู้จริงๆ คือคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เขาใช้โลหะเงิน นั่นหมายความว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับกลไกตลาดของโลหะเงิน”

“เพราะฉะนั้นหน้าที่หนึ่งของออสสิริสนอกจากทำผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว คือการสร้างกลไกตลาดเพื่อให้คนเห็นว่านี่คืออีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน ผ่านการสื่อสารต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ของออสสิริสที่จะมีราคาขายออก ราคาซื้อเข้า รวมถึงการหาพันธมิตรที่จะช่วยสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลกับตลาด อย่างน้อยๆ โลหะเงินต้องควรอยู่ในหมวดการลงทุนไม่ใช่อยู่แค่ในอุตสาหกรรมหรือเครื่องประดับเท่านั้น”

บุญเลิศเปิดเผนต่อว่า โดยปกติการลงทุนจะมี 3 ระยะ คือ ระยะสั้น กลาง และยาว ซึ่งการลงทุนเพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้นอาจไม่เหมาะกับการลงทุนในโลหะเงินเท่าไรนัก แต่แนะนำให้ลงทุนระยะยาวซึ่งถือเป็นการเก็บทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในทุกปีเช่นเดียวกับทองคำ ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายที่ออสสิริสมองไว้ คือลูกค้าที่เน้นการลงทุนระยะยาวและการสะสมมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น

ในส่วนของแผนการสร้างกลไกตลาดหลังจากที่ได้เปิดตัวโลหะเงินแท่งเพื่อการลงทุนไปในไตรมาส 3 แล้วนั้น บุญเลิศจะเดินหน้าให้ความรู้และข้อมูลกับตลาด ผ่านการจัดสัมมนาเรื่องโลหะเงินเป็นประจำทุกเดือนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงขยายพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่เชี่ยวชาญเรื่องโลหะเงินโดยเฉพาะ เช่น ร้านเครื่องเงินในพื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจากร้านทองที่เป็นพาร์ตเนอร์เดิม อีกทั้งยังเตรียมสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการซื้อขายโลหะเงินเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ลงทุน โดยคาดว่าจะเปิดตัวไม่เกินปี 2568

ทั้งนี้ บุญเลิศตั้งเป้าสร้างรายได้จากโลหะเงินแท่งราวๆ 5% จากสัดส่วนของรายได้จากการขายทองคำซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของออสสิริส ภายใน 2-3 ปีต่อจากนี้

โดยบุญเลิศกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ในอนาคตไม่ว่าใกล้หรือไกล ผมเชื่อว่าเงินก็ยังสู้ทองไม่ได้ในแง่ความนิยม แต่ผมก็เชื่อเช่นกันว่าในกลุ่มที่ไม่สามารถซื้อทองได้ เขาสามารถมีกำลังที่จะซื้อเงินได้ เป็นทางเลือกในการลงทุนใหม่ๆ ให้กับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มฐานราก หรือถ้าคุณคุ้นเคยในการลงทุนทองคำอยู่แล้ว และอยากลงทุนในสเกลที่เล็กลงมา การลงทุนในโลหะเงินก็ตอบโจทย์เช่นกัน”

แน่นอนว่าท่ามกลางความคุ้นชินของตลาดที่ยังคงให้ความนิยมในทองคำเป็นหลัก นี่ถือว่าเป็นโจทย์ยากไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับออสสิริส แต่บุญเลิศเชื่อมั่นว่ากลไกทางการตลาดที่เขาพยายามสร้างนี้จะเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน และโลหะ