Home > SARS- CoV-2

นักวิจัย ม.นเรศวร แนะตรวจหาเศษซากเชื้อฝีดาษลิงจากน้ำเสีย

นักวิจัย ม.นเรศวร แนะตรวจหาเศษซากเชื้อฝีดาษลิงจากน้ำเสีย ชี้เตือนภัยล่วงหน้า-ประหยัด-ป้องกันการนำเข้าเชื้อจาก ตปท. นักวิจัยม.นเรศวร ลั่นมีความพร้อมทางเทคโนโลยีตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงโดยการตรวจเศษซากไวรัสในน้ำเสียโสโครก นำร่องสุ่มตรวจตัวอย่างที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ระบุเป็นมาตรการเฝ้าระวังที่ประหยัดงบประมาณ และตรวจพบเชื้อได้ทันทีแม้มีผู้ติดเชื้อแค่คนเดียวแม้ผู้ติดเชื้อจะยังไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อหรือไม่มีอาการ ผศ. ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง สำนักบริหารงบประมาณวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยถึงการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงว่าขณะนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เริ่มตรวจการระบาดของฝีดาษลิงโดยตรวจเศษซากไวรัสในน้ำเสียโสโครกเป็นตัวชี้วัดการระบาดในระดับชุมชน โดย 1 ตัวอย่างน้ำเสียแทนการเฝ้าระวังทุกคนทั้งชุมชน เนื่องจากไวรัสฝีดาษลิงจะถูกขับถ่ายออกมาทางอุจจาระของผู้ติดเชื้อ (แม้จะยังไม่แสดงอาการในช่วงระยะฟักตัว 7-14 วัน) ทำให้คณะวิจัยตรวจพบเศษซากไวรัสดังกล่าวในน้ำเสียโสโครกของเมือง ซึ่งรวมน้ำเสียจากทุกคนในทุกบ้านเรือนที่ขับถ่ายออกมาได้ โดยจะตรวจพบเศษซากไวรัส 7-14 วัน ก่อนที่ผู้ติดเชื้อจะรู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้อและแสดงอาการ ทำให้สามารถควบคุมโรคได้ก่อนการระบาด เทคนิคเดียวกันนี้ถูกใช้ในการเฝ้าระวังเชิงรุกและเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดของโควิด-19 ในชุมชนและอาคารสาธารณะใน 58 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย คณะวิจัยระบาดวิทยาน้ำเสียโควิด-19 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มีความพร้อมที่จะใช้เทคโนโลยีการสกัดเศษซากไวรัสฝีดาษลิงในน้ำเสียโสโครกชุมชนเพื่อการเฝ้าระวังการนำเข้าฝีดาษลิงจากต่างประเทศเช่นกัน โดยการทดลองนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ผ่านสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งคณะวิจัยได้ทดลองตรวจน้ำเสียจากสนามบินสุวรรณภูมิจากตัวอย่างน้ำเสียในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

Read More

น้ำยาบ้วนปากฆ่าไวรัสโคโรนาได้จริงไหม?

Column: Well – Being   นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่พากันยกระดับอนามัยส่วนบุคคลกันยกใหญ่ ตั้งแต่หมั่นล้างมือ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นผิวต่างๆ ราวกับเป็นมืออาชีพ และมีเจลแอลกอฮอล์ใกล้มือตลอดเวลาเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา กับคำถามที่ว่า น้ำยาบ้วนปากสามารถฆ่าไวรัสโคโรนาได้จริงไหม? ดูจะซับซ้อนกว่าที่คุณคิด ซึ่งนิตยสาร Shape ได้ให้ข้อมูลที่คุณจำเป็นต้องรู้อย่างน่าสนใจทีเดียว ได้ความคิดน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาจากไหน? บทวิจารณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Function วิเคราะห์ว่า น้ำยาบ้วนปากมีศักยภาพสามารถลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส SARS- CoV- 2 ในระยะแรกของการติดเชื้อได้หรือไม่ สิ่งที่นักวิจัยอธิบายคือ เชื้อไวรัส SARS- CoV- 2 เป็นไวรัสที่มีเปลือกหุ้ม หมายความว่ามันมีเยื่อหุ้มเซลล์อยู่ชั้นนอกซึ่งมีลักษณะเป็นไขมัน และจนกระทั่งบัดนี้วงการยังไม่ได้ถกกันว่า คุณจะมีศักยภาพในการเพียงแค่ “บ้วนปาก” (ด้วยน้ำยาบ้วนปาก) แล้วจะสามารถทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ชั้นนอกนี้ และทำให้ไวรัสอ่อนแรงลงขณะที่มันอยู่ในปากและลำคอของผู้ติดเชื้อได้หรือไม่ นักวิจัยให้ความสนใจผลการศึกษาครั้งก่อนๆ ที่เสนอแนะว่า ส่วนผสมร่วมที่พบในน้ำยาบ้วนปากทั่วไป คือ เอทานอล (แอลกอฮอล์), โพวิโดน-ไอโอดีน (ยาฆ่าเชื้อที่มักใช้ฆ่าเชื้อบนผิวหนังก่อนและหลังการผ่าตัด) และเซทิลพิริดิเนียม คลอไรด์ (ส่วนประกอบของเกลือที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย) ที่สามารถทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของไวรัสที่มีเปลือกหุ้มชนิดอื่นอีกหลายชนิด อย่างไรก็ตาม แต่คราวนี้เราไม่รู้ว่าองค์ประกอบที่อยู่ในน้ำยาบ้วนปากเหล่านี้จะสามารถส่งผลต่อไวรัส SARS- CoV- 2 หรือไม่ ถึงจุดนี้ต้องบอกว่าทุกอย่างยังเป็นทฤษฎี

Read More