Home > health (Page 8)

อาหารมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพมหัศจรรย์ (3)

 อาหารป้องกันมะเร็งเต้านมดอกกะหล่ำผลการศึกษาในหลอดทดลองพบว่า ดอกกะหล่ำอุดมไปด้วยสารเอนไซม์ต้านมะเร็ง “ซัลโฟราเฟน” ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม โดยรบกวนไม่ให้เซลล์แบ่งตัว ดอกกะหล่ำยังมีสารที่เรียกว่า 13C ที่มีคุณสมบัติอาจลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ เพราะเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เซลล์เนื้อเยื่อแบ่งตัวมากขึ้น ข้อแนะนำคือ ให้นำดอกกะหล่ำมาย่างหรือนึ่ง แต่ห้ามต้มเด็ดขาด เพราะผลการวิจัยระบุว่า การต้มทำให้สารต่อต้านมะเร็งปนออกมาในน้ำต้มถึงร้อยละ 75มันเทศDr.La Puma แห่งสถาบันศึกษาสุขภาพสตรี มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า ในมันเทศหนึ่งหัวยาว 5 นิ้ว มีเบตา – แคโรทีน (ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ที่ช่วยให้ร่างกายของคุณเผาผลาญฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ดีขึ้น) ถึง 11,062 ไมโครกรัม ผู้หญิงที่ร่างกายมีเบตา – แคโรทีนและสารแคโรทีนอยด์อื่น ๆ ในระดับต่ำสุด มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้มีสารดังกล่าวในร่างกายในระดับสูงสุดซอสมะเขือเทศผลการวิจัยพบว่า ไลโคปีนซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่พบในซอสมะเขือเทศ อาจช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมได้ ด้วยการทำให้อนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์มีความเป็นกลาง ผลการศึกษายังยืนยันว่า ไลโคปีนสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมในหลอดทดลอง รวมทั้งยับยั้งเนื้องอกในหนูด้วย ไลโคปีนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าเมื่อถูกความร้อน ดังนั้น การบริโภคมะเขือเทศที่สุกแล้วจึงดีกว่าการบริโภคมะเขือเทศดิบ ไลโคปีนยังละลายในไขมัน จึงแนะนำให้เติมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยการดูดซึมหลีกเลี่ยงส้มเกรปฟรุตผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน 46,000 คนเป็นเวลา 9 ปีของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า การบริโภคส้มเกรปฟรุตเพียง 1 ใน

Read More

อาหารมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพมหัศจรรย์ (2)

อาหารบำรุงสายตาผักใบเขียวผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างพยาบาลกว่า 50,000 คนของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ผู้ที่บริโภคผักใบเขียววันละ 2 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมน้อยลงร้อยละ 46 โรคที่ทำให้ผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีตาบอด Dr.La Puma อธิบายว่า ผักใบเขียวมีลูทีนกับซีแทนทีน ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์อันทรงพลังสองตัวที่ช่วยให้นัยน์ตาดูดซับแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น และช่วยปกป้องเรตินาหรือเยื่อชั้นในของลูกตา ผลการศึกษายังพบว่า ผู้หญิงที่บริโภคอาหารที่มีเบตา – แคโรทีนสูง มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกลดลงราวร้อยละ 39นมไขมันต่ำหรือปราศจากไขมันนมไขมันต่ำและนมปราศจากไขมันมีไรโบฟลาวินสูง ซึ่งเป็นวิตามินบีที่ช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้มาก ร่างกายของคุณใช้ไรโบฟลาวินในการผลิตกลูตาไธโอนที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถทำลายเนื้อเยื่อนัยน์ตาได้ นอกจากนี้ วิตามินดีที่พบในนมเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุ ยังช่วยปกป้องนัยน์ตาของคุณเช่นกัน ผลการศึกษาพบว่า เลือดที่มีวิตามินในระดับสูงช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมเกือบร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีวิตามินดีในเลือดต่ำอาหารเสริมความแข็งแรงของกระดูกเนื้อสันเนื้อสันเพียง 4 ออนซ์ให้สังกะสีกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันคือ 8 มิลลิกรัม สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยปกป้องกระดูก การวิจัยชี้ว่า ผู้หญิงที่ได้รับสังกะสีปริมาณต่ำ มักมีปัญหากระดูกเปราะบางในวัยกลางคน ถ้าคุณชอบอาหารทะเล ก้ามปูอลาสกาหนึ่งก้ามให้สังกะสี 10 มิลลิกรัมบร็อคโคลีอุดมด้วยวิตามินเค ซึ่งช่วยให้ร่างกายขนส่งแคลเซียมและเผาผลาญวิตามินเคเข้าสู่โครงกระดูกของคุณ การศึกษาพบว่า วิตามินเคเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน และช่วยลดอัตรากระดูกแตกร้าว ผลคือ สถาบันการแพทย์แนะนำให้บริโภควิตามินเควันละ 90 ไมโครกรัมในผู้หญิง

Read More

อาหารมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพมหัศจรรย์

 ทั้งบลูเบอร์รี บร็อคโคลี วอลนัท ล้วนเป็น “อาหารมหัศจรรย์” ที่คุณรู้ดีว่า ช่วยต่อสู้กับโรคร้าย และเสริมให้สุขภาพดีขึ้น วงการวิทยาศาสตร์แนะนำว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องศึกษาซอยย่อยลงไปอีก ผลการวิจัยทางคลินิกเมื่อไม่นานมานี้เผยว่า อาหารมหัศจรรย์ช่วยลดความเสี่ยงต่อทุกโรคตั้งแต่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ไปจนถึงโรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคกระดูกพรุนอาหารปกป้องหัวใจข้าวบาร์เลย์ช่วยลดไขมันเลวแอลดีแอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลรวมของคุณลดลงได้ 13 จุด โดยไม่ส่งผลต่อไขมันดีเอชดีแอลแต่อย่างใด ข้าวบาร์เลย์มีเบตา–กลูแคน ซึ่งเป็นเส้นใยที่ละลายในน้ำ ทำหน้าที่เข้าไปจับโคเลสเตอรอล รอการขับถ่ายออกจากร่างกาย David Grotto ผู้เขียนหนังสือ 101 Optimal Life Foods ยังเปิดเผยว่า ในข้าวบาร์เลย์ที่ถูกสีเป็นเม็ดกลมเล็กๆ หนึ่งถ้วยครึ่ง มีเส้นใยละลายในน้ำ 3 กรัม คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ จึงแนะนำให้บริโภคข้าวบาร์เลย์ทุกวันถั่วปินโตมีคุณสมบัติเหมือนข้าวบาร์เลย์ คือมีเบตา–กลูแคนคอยต่อสู้กับโคเลสเตอรอล ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่า ผู้เข้าร่วมการวิจัยที่มีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินเล็กน้อย และบริโภคถั่วปินโตทุกวัน วันละครึ่งถ้วย สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดลง 19 จุดภายใน 8 สัปดาห์ รวมทั้งลดไขมันเลวแอลดีแอลได้ 13 จุดองุ่นนักวิจัยประจำโรงพยาบาลเด็กแห่งชาติในโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ

Read More

Tips –การเดินออกกำลังกาย (3)

ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเวลาใดดีที่สุดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นคือ หลังจากคุณ cool down หรือทำให้กล้ามเนื้อเย็นลงแล้ว เพราะเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อและข้อต่อของคุณอยู่ในภาวะอบอุ่นที่สุด ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาภาวะกล้ามเนื้อตึงจากการเคลื่อนไหว ที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และต้องทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อต้องเอื้อมหยิบของบนชั้นที่อยู่สูง หรือเมื่อต้องก้มตัวลงสวมถุงเท้ายืดเหยียดกล้ามเนื้อช่วงเริ่มออกกำลังกายดีไหมได้แน่นอน ตราบใดที่คุณทำหลังจากวอร์ม – อัพแล้ว หลักของการยืดเหยียดกล้ามเนื้อคือ ให้แน่ใจว่า กล้ามเนื้อของคุณยืดหยุ่นก่อนการยืดเหยียด ไม่อย่างนั้นแล้วคุณอาจได้รับบาดเจ็บ การยืดเหยียดช่วงก่อนหรือระหว่างออกกำลังกาย ยังช่วยผ่อนคลายอวัยวะบางส่วนที่รู้สึกตึง เช่น สะโพก หน้าแข้ง หรือต้นขา ผลการวิจัยพบว่า การยืดเหยียดช่วงแก้ปัญหาปวดหน้าแข้งที่นักเดินออกกำลังกายหน้าใหม่ประสบอยู่เสมอเดินออกกำลังกายด้วยรองเท้าวิ่งได้ไหมได้ ในกรณีที่คุณต้องการวิ่งควบคู่กับการเดินออกกำลังกาย ให้ซื้อรองเท้าวิ่งได้เลย (ห้ามวิ่งขณะสวมรองเท้าเดิน เพราะรองเท้าเดินรับแรงกระแทกที่เกิดขณะวิ่งไม่ได้)เดินให้เร็วขึ้นไม่ได้หมายถึงเดินก้าวเท้ายาวขึ้นประเด็นที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดมากที่สุดประเด็นหนึ่งคือ การเดินเร็วขึ้นหมายถึงการก้าวเท้าจนยาวเกินไป เคล็ดลับที่แท้จริงของการเพิ่มความเร็วคือ การก้าวเท้าถี่ขึ้นและเร็วขึ้น ไม่ใช่ก้าวเท้ายาวมาก ๆ แต่คุณต้องสังเกตด้วยว่า ถ้าก้าวเท้าสั้นเกินไป คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังกระโดดขึ้นและลงขณะเดิน วิธีง่าย ๆ ในการค้นหาช่วงก้าวที่ทำให้คุณรู้สึกเป็นธรรมชาติที่สุดคือ ลองเดินด้วยฝีเท้าที่ยาวเกินไปสักสองสามนาที และเดินด้วยฝีเท้าที่สั้นเกินไปอีกสองสามนาที จากนั้นคุณจะปรับฝีเท้าให้มีช่วงก้าวที่พอดีได้ที่มา: นิตยสาร Prevention: Big Book of WalkingColumn: Well-Beingเรียบเรียง: ดรุณี

Read More

วุฒิ-ศักดิ์ บุกตลาดศัลยกรรม

 ความสวยรอไม่ได้...ความสวยสร้างได้...ความสวยทำให้ชีวิตเปลี่ยน หลายๆ สโลแกนของสถานสร้างความงามให้กับหนุ่มสาว วุฒิศักดิ์คลินิก ที่ประกาศยกระดับธุรกิจฉลองครบรอบ 14 ปีในปีนี้ พร้อมทุ่มงบ 500 ล้านบาท อัพเกรดเครื่องมือ และจะเพิ่มด้านบอดี้ คอนทัวร์และศัลยกรรมในอนาคต โดยหวังมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม 20% ตั้งเป้าเป็นเมดิคอลฮับ (Medical Hub) ของอาเซียนในขณะที่ตลาดความงามในประเทศมีมูลค่าประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท มีการเติบโต 10-15% ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว วุฒิ-ศักดิ์กลับสวนกระแสธุรกิจด้วยการต่อยอดธุรกิจความงาม ด้วยการขยายคลินิกศัลยกรรมในปีหน้า พร้อมแผนเปิดโรงพยาบาลด้านศัลยกรรม จับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเป็นหลักในอนาคต พลภัทร จันทรวิเมลือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป ระบุว่า “ในปีหน้า วุฒิ-ศักดิ์คลินิกเตรียมขยายธุรกิจ โดยจะเปิดคลินิกศัลยกรรมความงามอีกประมาณ 10 สาขา จาก ณ ปัจจุบัน เรามีแค่สาขาเดียว ที่เซ็นทรัลพระราม 9 ทั้งนี้ เราจะใช้งบประมาณ 150  ล้านบาท

Read More

Tips –การเดินออกกำลังกาย (2)

กายวิภาคว่าด้วยการเดินผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรโลนาระบุว่า แต่ละวันคุณควรเดินให้ได้ 60 นาที เพื่อให้มีอารมณ์ดีขึ้น นักวิจัยได้ศึกษาผู้หญิงที่เดินครั้งละ 30 หรือ 60 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน นาน 6 เดือน พบว่า ผู้ที่ใช้เวลาเดินนานที่สุด มีความรู้สึกเชิงบวกต่อร่างกาย และความสามารถของตนเองในการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน มากกว่าผู้ที่เดินด้วยระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่งถึง 4 เท่า ขอให้พยายามจัดตารางเวลาเพื่อให้ได้เดินครั้งละ 60 นาทีอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี เมื่อทำกายวิภาคการเดิน 60 นาที จะได้ผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณดังนี้ 0.00 – 6.00 นาที อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มจาก 70 เป็น 100 ครั้งต่อนาที เป็นการอบอุ่นกล้ามเนื้อ ทำให้ข้อต่อหลั่งของเหลวเพื่อการหล่อลื่น ร่างกายของคุณเผาผลาญเฉลี่ย 5 แคลอรีต่อนาที เปรียบเทียบกับขณะพักผ่อนที่เผาผลาญเพียง 1 แคลอรีเท่านั้น 6.00 – 11.00 นาที อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มเป็น 140 ครั้งต่อนาทีโดยประมาณ และคุณเผาผลาญได้นาทีละ

Read More

Tips –การเดินออกกำลังกาย (1)

 สุขภาพดีขึ้นแม้เดินไม่นาน ผลการศึกษาระบุว่า แม้คุณเดินเร็วเพื่อออกกำลังกายด้วยเวลาสั้น ๆ ก็ยังมีผลทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ดังนี้ เดิน 18 นาที – ลดความเสี่ยงจากโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ร้อยละ 36 เดิน 21 นาที – ลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมองได้ร้อยละ 43 เดิน 30 นาที – ลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ร้อยละ 30-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------เปลี่ยนเส้นทางเดิน เมื่อเปลี่ยนเส้นทางเดิน ทัศนียภาพที่เปลี่ยนไปช่วยให้คุณมีแรงกระตุ้นอยู่เสมอ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------กินกล้วยก่อนออกเดิน ภายใน 20 หรือ 30 นาทีก่อนเดินออกกำลังกาย ให้บริโภคอาหารว่างเบา ๆ แต่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต เช่น กล้วย หรือ โยเกิร์ต 4 ออนซ์ เพราะการได้รับคาร์โบไฮเดรตอย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงขณะที่คุณออกกำลังกาย และให้พลังงานที่ไม่ทำให้คุณหันไปใช้กล้ามเนื้อที่เพิ่มการเผาผลาญเพื่อเป็นพลังงาน ที่สำคัญต้องให้แน่ใจว่า เป็นอาหารที่เบาจริง ๆ เพราะทั้งกิจกรรมการออกกำลังกายและการย่อยอาหาร ล้วนต้องการเลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่เกี่ยวข้องมากขึ้นทั้งสิ้น อาจทำให้คุณปวดท้องได้----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------กินคาร์โบไฮเดรตกับโปรตีนหลังเดิน หลังการเดินออกกำลังกาย ให้บริโภคอาหารที่มีทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต เช่น ไก่กับขนมปังธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี พร้อมผักกาดหอม มะเขือเทศ และหอมหัวใหญ่ หรือสลัดผักใบเขียวกับย่าง

Read More

ระวังคำกล่าวอ้างในอาหารสำหรับเด็ก

 ผลการวิจัยของกลุ่ม Physical Activity, Nutrition and Obesity Research Group แห่ง Sydney School of Public Health ระบุว่า การตลาด “อาหารสำหรับเด็ก” ไม่เพียงได้ผลดีในการขายสินค้าแต่ละแบรนด์ แต่ยังเชื่อมโยงกับการผลักดันให้เด็กบริโภค “อาหารขยะ” มากขึ้นแม้แต่องค์การอนามัยโลกยังเตือนว่า การทำตลาดอาหารคุณภาพต่ำแก่เด็ก อาจเป็นสาเหตุให้เด็กน้ำหนักตัวเพิ่ม ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะปัจจุบันมีเด็กถึงหนึ่งในสี่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินอยู่แล้วJane Caro ผู้บรรยายวิชาการโฆษณาและนักวิจารณ์สังคม อธิบายปรากฏการณนี้ว่า “โดยทั่วไปเด็กอายุต่ำกว่า 12 – 13 ปียังไม่ได้ถือเงินเอง พวกเขาจึงตกเป็นเป้าของการโฆษณา เพราะเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของพ่อแม่”นอกจากนี้ ยุคดิจิตอลยังเอื้อให้เกิดโอกาสด้านการตลาดรูปแบบใหม่อย่างแท้จริง จากการที่เด็กเล่นไอแพดหรือโทรศัพท์มือถือด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม Caro ให้ข้อคิดว่า เมื่อมีโฆษณาผลิตภัณฑ์คุณภาพทางอาหารต่ำที่มีเด็กเป็นเป้าหมาย เราจำเป็นต้องร้องเรียนไปที่ผู้ผลิตไม่ใช่นักโฆษณา “นักการตลาดมีหน้าที่ทำตลาดสินค้าที่ได้รับมอบหมาย เราจำเป็นต้องศึกษาส่วนประกอบของอาหาร ถ้าคุณเอาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาให้ นักการตลาดก็ทำตลาดให้อยู่แล้ว”ดังนั้น ในฐานะพ่อแม่ คุณจะต้านการตลาดอันชาญฉลาดที่ดึงลูกๆ ของคุณให้คล้อยตามได้อย่างไร และหาวิธีให้ลูกๆ

Read More

พบวิธีหยุดยั้งอัลไซเมอร์

 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลาวัลในรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา ร่วมกับบริษัทแกลกโซ สมิธไคลน์ ค้นพบหนทางใหม่ในการสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งวันหนึ่งอาจช่วยให้แพทย์สามารถกำจัดโมเลกุลของเบตา-อะไมลอยด์ที่สะสมในสมองจนเกิดเป็น plaque ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อมการวิจัยทำโดยฉีด monophosphoryl lipid A ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน เข้าไปในหนูที่มีอาการป่วยคล้ายคลึงกับอัลไซเมอร์สัปดาห์ละครั้ง สารดังกล่าวทำให้เกิด plaque น้อยลง และทำให้หนูที่ได้รับการรักษาทำบททดสอบเกี่ยวกับความจำได้ดีกว่าหนูที่ไม่ได้รับการรักษานักวิจัยหวังว่า งานของพวกเขาจะนำไปสู่ภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) ที่สามารถยับยั้งการพัฒนาของโรคอัลไซเมอร์ และสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาเป็นวัคซีนได้โกรธแล้วแสดงออก ลดโรคได้ผลการศึกษาใหม่ของเยอรมนีระบุว่า เมื่อคุณโกรธหรือเครียด การแสดงออกแทนการเก็บงำเอาไว้ อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคร้ายแรงได้หลายโรค เพราะคนที่พยายามเก็บความโกรธไว้ในใจ ทำให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียดออกมามากกว่าปกติ และทำให้คุณเสี่ยงเป็นโรคร้ายอย่างหัวใจวาย มะเร็ง หรือความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31นอกจากนี้ เพศยังมีผลต่อการเก็บกดความโกรธที่แตกต่างกันด้วย Dr.Deborah Cox ผู้เขียนหนังสือ The Anger Advantage กล่าวว่า ผู้หญิงมักเก็บความโกรธด้วยการนิ่งขรึม ขณะที่ผู้ชายแสดงออกมากกว่า อาจด้วยการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แต่เธอแนะนำว่า การแสดงความโกรธที่ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพมีหลายวิธีด้วยกัน เช่นระบายเป็นคำพูด – “เมื่อรู้สึกโกรธ ให้ระบายออกมาเป็นคำพูดกับคนที่คุณไว้ใจได้”เขียนเป็นตัวหนังสือ – “การเขียนโน้ตโต้ตอบกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คนสองคนรับรู้ความโกรธ

Read More

คนมะกันใช้อินเทอร์เน็ตวินิจฉัยโรคเอง

ระบบประกันสุขภาพของสหรัฐอเมริกายุ่งเหยิงน่าปวดหัว ทำให้สหรัฐฯ รั้งที่โหล่ในรายงานการเปรียบเทียบสุขภาพและอายุขัยของประชากรใน 17 ประเทศชั้นนำที่พัฒนาแล้วด้านเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่ได้ซื้อประกัน และแพทย์ก็ถูกกดดันทั้งด้านเวลาและเงิน จนพวกเขาไม่สามารถให้เวลากับคนไข้มากนัก ทำให้คนหันเข้าหาอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เพื่อวินิจฉัยโรคและเรียนรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ มากขึ้นผลการสำรวจของศูนย์วิจัยพิวระบุว่า จากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 3,000 คน มีมากกว่าสองในสามใช้ระบบออน–ไลน์เพื่อสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ อีกหนึ่งในสามใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อวินิจฉัยโรคเอง จากกลุ่มตัวอย่างดังกล่าว มีประมาณครึ่งหนึ่งยอมไปปรึกษาแพทย์ แม้แต่พระเอกตลอดกาลอย่าง คลินต์ อีสต์วูด ยังยอมรับว่า “มีบ่อยครั้งที่ชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับข้อมูลเล็กๆ เพียงชิ้นเดียว”ริดสีดวงทวาร–โรคท็อปฮิตใน Googleเราอาจไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงริดสีดวงทวารกันอย่างเปิดเผยมากนัก แต่เชื่อไหมว่า คนจำนวนมากวิตกกังวลกับโรคนี้มาก เพราะเป็นหัวข้อยอดนิยมมากที่สุดหัวข้อหนึ่งในการค้นหาใน Googleริดสีดวงทวารเป็นเนื้อเยื่อที่บวมเป่งบริเวณตอนล่างของทวารและช่องทวารหนัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนทั่วไปประมาณร้อยละ 75ผู้ป่วยจะมีอาการคัน เจ็บปวด และมีเลือดสดออกมาเวลาถ่ายอุจจาระ การป้องกันทำได้โดยบริโภคอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงการนั่งติดต่อกันเป็นเวลานาน และใช้ห่วงยางรองนั่ง นั่งนานๆ เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพรุนแรงผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมาสทริชต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเบอร์นาร์ด ดูวิเวียร์ ยืนยันว่า การนั่งติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงหน้าจอโทรทัศน์หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งสิ้นหากคุณนั่งวันละ 14 ชั่วโมง จะมีผลให้ระดับฮอร์โมนอินซูลิน ไขมันในเลือด (โคเลสเตอรอล)

Read More