Home > Tourism (Page 6)

น่านนครเสน่ห์ที่ควรอนุรักษ์ กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

  น่านจังหวัดทางภาคเหนือของไทยที่อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเท่าใดนัก และมักมีคำกล่าวที่ขยายความให้เข้าใจแจ่มชัดยิ่งขึ้นว่า “ถ้าไม่ตั้งใจไป ก็ไปไม่ถึง”  อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 2-3 ปีก่อนหน้าการท่องเที่ยวในจังหวัดน่านดูจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ออกแคมเปญเพื่อรณรงค์การท่องเที่ยว โดยประกาศให้น่าน เป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาดในปี 2558 ซึ่งนี่เองที่ทำให้การท่องเที่ยวในจังหวัดน่านเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยมนต์เสน่ห์ของน่านนครที่อุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา สถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอารมที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของชาติพันธุ์ได้เป็นอย่างดี วิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นที่ดำเนินไปด้วยความสงบเรียบง่าย จึงเป็นตัวดึงดูดผู้คนให้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันออกไป การขยายตัวธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน เพื่อรองรับอัตราการเติบโต และการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลในเรื่องของขอบเขตการพัฒนาทั้งในเชิงศักยภาพของการบริการ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว บทเรียนที่เห็นเด่นชัดคือความล่มสลายของเมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากนักท่องเที่ยว และถูกดูดกลืนวัฒนธรรมจนไม่หลงเหลือเสน่ห์ให้ค้นหามากนัก คนในเมืองน่านมีลักษณะเป็น Soft Culture หากหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวของน่านต้องการให้จังหวัดพัฒนาด้านศักยภาพเพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ จะส่งผลให้คนนอกที่เข้ามาในพื้นที่มาพร้อมกับ Hard Culture ซึ่งจะทำให้คนน่านกลายเป็นผลเมืองชั้นสองในทันที เมื่อมองจากภาพรวมของเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดทางภาคเหนือของไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน การเข้ามาของกลุ่มทุนทั้งจากจีน เวียดนาม หรือกระทั่งคนไทยจากเมืองหลวง มักส่งผลต่อความเป็นธรรมชาติของเมืองนั้นๆ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งรายได้ของเมือง รายได้ของประชากรที่เพิ่มจำนวนสูงขึ้นก็ตาม กระนั้นสิ่งที่หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องพึงกระทำ คือการพัฒนาจังหวัดน่านแบบยั่งยืน ค่อยเป็นค่อยไป

Read More

กระตุ้นใช้จ่ายผ่านการท่องเที่ยว ความหวังเดียวกลางวิกฤตเศรษฐกิจไทย?

  ความพยายามของกลไกภาครัฐที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการเดินทางท่องเที่ยวและการรับประทานอาหาร ภายใต้มาตรการลดหย่อนภาษีในช่วงระหว่างวันที่ 9-17 เมษายนที่ผ่านมา แม้จะดำเนินไปท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของเทศกาลสงกรานต์  แต่ดูเหมือนว่าเจตจำนงของรัฐดังกล่าวนี้จะไม่ประสบผลสัมฤทธิในการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจให้ตื่นตัวคึกคักได้อย่างที่ตั้งใจ ไม่นับรวมภาวะภัยแล้งที่ทำให้ความรื่นเริงช่วงสงกรานต์ในหลายพื้นที่หดสั้นลง ขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจก็ยังไม่มีปัจจัยบวกมากพอให้ประชาชนมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากนัก ความถดถอยทางเศรษฐกิจและภาวะชะลอตัวในการจับจ่ายที่ปรากฏขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลายเป็นประหนึ่งสัญญาณเตือนภัยครั้งใหม่ ที่กำลังทวีความน่ากังวลใจไม่น้อยเลย ขณะที่กลไกภาครัฐต่างพยายามเร่งระดมมาตรการกระตุ้นเสริมพร้อมกับคำปลอบโยนว่าเศรษฐกิจไทยกำลังผงกหัวขึ้น ไม่ว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจะสวนทางกับถ้อยแถลงเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานผลสำรวจภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยล่าสุด ในเดือนมีนาคม 2559 ระบุว่า ภาระค่าครองชีพยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ครัวเรือนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและชั่งน้ำหนักก่อนที่จะตัดสินใจใช้จ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายในส่วนที่อยู่นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือนมีนาคม 2559 ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ 43.6 เช่นเดียวกับดัชนีสะท้อนการคาดการณ์ของครัวเรือนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ที่ปรับตัวลดลงมาที่ 45.0 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 8 เดือน “บรรยากาศการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังของครัวเรือนทุกภาคส่วนนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2559 เป็นต้นมา เป็นภาพสะท้อนข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่า ตราบใดที่สัญญาณด้านรายได้ของครัวเรือนยังคงไม่กระเตื้องขึ้นอย่างเด่นชัด และ/หรือมีปัจจัยพิเศษมากระตุ้นการตัดสินใจใช้จ่ายแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าที่การบริโภคจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ” ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ และคาดการณ์ว่าการบริโภคภาคเอกชนในปี 2559 อาจขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 ซึ่งต่ำลงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 2.1 ขณะเดียวกันกลไกที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปของเศรษฐกิจไทยดูจะมีแนวโน้มยอมรับในข้อเท็จจริงที่กำลังคืบคลานมาเผชิญหน้าเหล่านี้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

Read More

บทเรียนจาก “มาเก๊า” สู่ “ไทย” ปลุกธุรกิจท่องเที่ยว ล้างภาพเมืองกาสิโน

  แม้ “มาเก๊า” สามารถใช้จุดขายความเป็น “นครแห่งกาสิโน” สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า  26,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 920,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากธุรกิจเกมการพนันถึง 80% หรือมากกว่า 700,000 ล้านบาท จนเกิดแรงดึงดูดให้หลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เกิดแนวคิดเปิดบ่อนกาสิโนเสรี แต่จุดขาย “เมืองกาสิโน” กลับเป็นโจทย์ข้อใหญ่ของรัฐบาลมาเก๊า โดยเฉพาะการสร้างจุดขายใหม่ เพื่อผลักดันธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน   ล่าสุด รัฐบาลมาเก๊าเตรียมประกาศแผนแม่บทพลิกโฉมธุรกิจการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลง (Transform) ภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนของโลก (World Center Tourism and Leisure) และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก (World Class Destination) ภายในปี 2020 หรือปี 2563 โดยเร่งเดินสายบุกตลาดเป้าหมายทั่วโลก  เคธี่ ยง หัวหน้าส่วนการสื่อสารภายนอก การท่องเที่ยวมาเก๊า เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวมาเก๊าเข้ามาจัดการประชุมในกรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในไทยและสร้างการรับรู้แบรนด์ “มาเก๊า” ที่หลากหลายมากขึ้น

Read More

KALPITIYA: จุดหมายใหม่การท่องเที่ยว

 Column: AYUBOWAN ความเป็นไปของ Puttalam และภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของศรีลังกา ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการเร่งระดมสรรพกำลังในการสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจในภาคการผลิต อุตสาหกรรมและพลังงานเท่านั้น  หากแต่ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่ประกอบส่วนด้วย Lagoon ขนาดใหญ่ ชายฝั่งทะเลที่ทอดยาวกำลังได้รับการประเมินศักยภาพเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีจุดมุ่งหมายจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ พื้นที่เป้าหมายที่ได้รับการยกระดับและเร่งพัฒนาเพื่อเชื้อเชิญนักธุรกิจผู้ประกอบการการท่องเที่ยวจากทั้งภายในและภายนอกประเทศให้เข้ามาลงทุนในระยะที่ผ่านมาอีกแห่งหนึ่ง อยู่ที่เขต Kalpitiya หมู่บ้านชาวประมง ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากโคลัมโบทางทิศเหนือ 160 กิโลเมตร และมีประวัติการณ์เชื่อมโยงกับการค้าทางทะเลและการเป็นจุดพักเรือมาตั้งแต่อดีตกาล ยังไม่นับรวมถึงการเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทำให้ทั้งโปรตุเกสและดัตช์ เจ้าอาณานิคมต่างลงหลักปักฐาน และสถาปนาให้ Kalpitiya เป็นที่มั่นที่อุดมด้วยป้อมค่าย พร้อมกับส่งผ่านอิทธิพลทางวัฒนธรรมและทิ้งร่องรอยแห่งมรดกทางประวัติศาสตร์นี้ไว้ในนาม Dutch Bay จนถึงปัจจุบัน ขณะที่ภูมิประเทศซึ่งเป็นแหลมทอดยาวไปกว่า 48 กิโลเมตรและมีความกว้าง 6-8 กิโลเมตรขนาบข้างด้วย Puttalam Lagoon ทางด้านตะวันออกและมหาสมุทรอินเดียทางชายหาดด้านตะวันตก ควบคู่กับการมีเกาะแก่งแวดล้อมอีกกว่า 14 แห่ง ทำให้ Kalpitiya กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิทัศน์แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ และกลายเป็นจุดขายที่น่าสนใจไม่น้อย  ความพยายามที่จะพัฒนาให้ Kalpitiya เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่หนึ่งใน 15 แห่งของศรีลังกานี้ ได้รับการบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งชาติมาตั้งแต่เมื่อปี 2003 และเริ่มมีกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสันทนาการขยับขยายเข้ามาจับจองพื้นที่กว่าร้อยละ 25 ของพื้นที่ทั้งหมดใน Kalpitiyaในรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างกันไป กระบวนการไล่รื้อหรือผลักดันชาวบ้านดั้งเดิมออกจากพื้นที่ เพื่อรวบรวมที่ดินมาพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยกว่า 2,500

Read More

Thailand Tourism Festival เมื่อการท่องเที่ยวคือตัวช่วยสุดท้าย

 ข่าวการลงทุนในโครงการเพื่อสร้างสวนสนุกและศูนย์การเงินนานาชาติที่เขตเศรษฐกิจพิเศษท่าแขก แขวงคำม่วน สปป. ลาว ในนาม Thakhaek Ehsan International Financial Centre มูลค่านับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัท Akane Farm Sole เมื่อไม่นานมานี้ ดูจะกระตุ้นความสนใจและการรับรู้ในความเป็นไปของประเทศเพื่อนบ้านรับศักราชใหม่แห่ง AEC ไม่น้อยเลย แม้ว่ารายละเอียดของรายงานข่าวดังกล่าว จะยังไม่สามารถให้รายละเอียดที่บ่งบอกกำหนดระยะเวลาและรูปธรรมที่ชัดเจนของโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นได้มากนัก หากแต่กรณีที่ว่านี้สามารถบ่งบอกทิศทางของการพัฒนาในอนาคตได้อย่างชัดเจน เพราะนอกเหนือจากการยกระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระบบพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการเพิ่มผลผลิตแล้ว ดูเหมือนว่าการท่องเที่ยวได้กลายเป็นแหล่งรายได้ที่สามารถดึงดูดเงินตราต่างประเทศอย่างสำคัญของทุกประเทศใน AEC ไปแล้ว การเปิดพื้นที่ของเพื่อนบ้านใน AEC ซึ่งต่างมีทรัพยากรธรรมชาติและรากฐานทางศิลปะ วัฒนธรรมหลากหลายให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้ร่วมเก็บรับและเรียนรู้ประสบการณ์ความเป็นไปของชุมชนในภูมิภาคนี้ กำลังขยับใกล้เข้ามาท้าทายธุรกิจท่องเที่ยวไทยอย่างไม่อาจละสายตา เนื่องเพราะกรณีเช่นว่านี้ ไม่เพียงแต่จะช่วงชิงจำนวนนักท่องเที่ยวในตลาดระดับนานาชาติ หากยังพร้อมที่จะกลายเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นรองรับกับตลาดภายในของ AEC ที่กำลังขยายตัวจากการก้าวสู่การเป็นประชาคม AEC ที่มีความเข้มข้นขึ้นด้วย กรณีดังกล่าวได้ส่งผลให้การแข่งขันในระดับสากลของธุรกิจการท่องเที่ยวมีสภาพไม่แตกต่างจากการแข่งขันเพื่อส่งออกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในเชิงธุรกิจอุตสาหกรรมชนิดอื่นๆ เพียงแต่ “การซื้อ” ในมิติของการท่องเที่ยวอาศัยการไหลเข้าของผู้คนในฐานะที่เป็นแหล่งที่มาของรายได้เข้าสู่ประเทศเท่านั้นเอง ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจประการหนึ่งอยู่ที่พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของนักท่องเที่ยว มิได้จำกัดอยู่เฉพาะในมิติที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงรูปแบบเท่านั้น หากในอีกด้านหนึ่งกรณีดังกล่าวกำลังส่งสัญญาณให้เกิดการปรับเปลี่ยนในมิติของการกำหนดกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวในระยะยาวด้วย สถิติของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนให้เห็นการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวเอเชียด้วยกัน ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งได้มากถึงกว่า 45-50% ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทย โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกอาเซียนมากถึงกว่า 20-30% เลยทีเดียว ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสูงถึง 1.44

Read More

ททท. โหมโปรโมต ร่วม Visa อัดแคมเปญรับปีใหม่

 ห้วงเวลาสำคัญของฤดูการท่องเที่ยวส่งท้ายปี กำลังขยับใกล้เข้ามาท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองและสถานการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ยังปราศจากสัญญาณเชิงบวก ทำให้หลายฝ่ายต่างต้องเร่งประชาสัมพันธ์และออกมาตรการส่งเสริมการตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีอย่างหนักหน่วง การเปิดตัว “ไทยแลนด์ ครอสบอร์เดอร์ พริวิเลจ” (Thailand Cross Border Privileges) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และวีซ่า ประเทศไทย เมื่อไม่นานมานี้ ดูจะเป็นตัวอย่างและรูปธรรมของความพยายามรอบล่าสุดที่เห็นได้ชัดเจนในกรณีที่ว่านี้ ความร่วมมือดังกล่าวในด้านหนึ่งถือเป็นการต่อยอดโปรแกรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทยภายใต้การประสานความร่วมมือระหว่าง ททท. และวีซ่า ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมายาวนานกว่า 17 ปี โดยในทุกๆ ปี วีซ่าและ ททท. จะร่วมกันจัดสามแคมเปญใหญ่ ที่ประกอบส่วนด้วย ไทยแลนด์ สเปคทาคูลาร์ เยียร์ เอนด์ (พฤศจิกายน-มกราคม) ไทยแลนด์ สแปลช แอนด์ สไปซ์ (มีนาคม-พฤษภาคม) และ ไทยแลนด์แกรนด์เซลส์ (มิถุนายน-สิงหาคม) สำหรับ “ไทยแลนด์ ครอสบอร์เดอร์ พริวิเลจ” (Thailand Cross Border Privileges) ซึ่งเปิดตัวมาเพิ่มใหม่นี้ถือเป็นแพลตฟอร์มส่งเสริมการท่องเที่ยวและโปรโมชั่นที่มอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เริ่มต้นการวางแผนการเดินทาง ตลอดจนการจองที่พัก ตั๋วเครื่องบินไปจนถึงการชอปปิ้งของที่ระลึกในช่วงเทศกาลฉลองต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ “จุดเด่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทยคือมีแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์ที่หลากหลาย

Read More

ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น “สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์”

 นับตั้งแต่พุทธศักราช 2325 อันเป็นปีก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ จวบจนวันนี้กรุงรัตนโกสินทร์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวสำคัญที่ควรค่าแก่การจดจำมากมาย บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ภายใต้การดำเนินงานของชมรม “KTC PR Press Club” จัดกิจกรรม “ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น” เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยต่างๆ ผ่านสถานที่สำคัญที่ล้วนบอกเล่าและสะท้อนภาพอดีตได้เป็นอย่างดี ประเดิมตอนแรกไปก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ จาก “วังเดิม” สู่ “วังหลัง” ปูเรื่องราว ตำนาน และวีรกรรมของสมเด็จพระเจ้าตากสิน สืบวิถีถิ่น “ธนบุรี” เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านสถานที่สำคัญสมัยกรุงธนบุรีที่เชื่อมโยงสู่กรุงรัตนโกสินทร์ ณ วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร วัดเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในสมัยกรุงธนบุรี รวมทั้งพระราชวังเดิม และพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ตามติดด้วยภาคสองในตอน “สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ 1-3” เรียงร้อยประวัติศาสตร์การเริ่มต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ระหว่างช่วงรัชกาลที่ 1-3 ผ่านสถานที่สำคัญที่เป็นดั่งตัวแทนของแต่ละช่วงเวลา อาทิ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร วัดราชนัดดารามวรวิหาร และวัดเทพธิดารามวรวิหาร  กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ช่วงสมัยรัชกาลที่ 1

Read More

สำรวจตลาดท่องเที่ยวเพื่อนบ้าน ASEAN ไทยยังเป็นอันดับหนึ่งจริงหรือ?

  ความเป็นไปว่าด้วยการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนในห้วงยามที่กำลังคืบใกล้เข้าสู่การเปิดประชาคม AEC ดูเหมือนว่าประเทศไทย ซึ่งแต่เดิมเชื่อว่ามีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่อาจทำให้ต้องสูญเสียทั้งตลาดและความน่าสนใจในระยะยาวอย่างยากที่จะสร้างให้กลับมาได้เปรียบดังเดิมได้อีก การเติบโตขึ้นของตลาดการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้าน ดำเนินควบคู่กับข้อเท็จจริงที่ว่าทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่อยู่รายล้อมประเทศไทยมีความหลากหลายและอุดมมั่งคั่งอย่างยิ่ง หากแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับการพัฒนาหรือส่งเสริมอย่างเป็นระบบเท่าที่ควรเท่านั้น การเปิดประเทศเพื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลกทำให้โอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวของทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือประเทศ CLMV บนอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงดำเนินไปด้วยอัตราเร่ง ที่พร้อมจะดึงดูดความสนใจจากทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้าชื่นชมความงามของธรรมชาติ และเรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของผู้คนท้องถิ่นนี้ด้วย กัมพูชาเปิดตัวออกสู่ตลาดการท่องเที่ยวระดับนานาชาติภายใต้คำขวัญ “Kingdom of Wonder” พร้อมด้วยจุดขายว่าด้วยศิลปวัฒนธรรมที่มีรากฐานยาวนานนับพันปี และปรากฏเป็นแหล่งโบราณคดีที่ได้รับการยอมรับเป็นมรดกโลก ควบคู่กับแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมากัมพูชามีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตเพิ่มมากขึ้นถึงกว่า 400% จากระดับ 1 ล้านคนในปี 2004 มาสู่ระดับ 4.5 ล้านคนในปี 2014 และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกในอนาคต ที่สำคัญก็คือมีนักเดินทางเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น เข้าสู่กัมพูชามากขึ้นถึงกว่าร้อยละ47 ซึ่งสะท้อนภาพการเป็นแหล่งลงทุนแห่งใหม่ของกัมพูชา ที่อาจนำไปสู่กระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ไม่ได้มีจุดเน้นเรื่องการท่องเที่ยวโดยลำพังในระยะยาวนับจากนี้อีกด้วย ขณะที่เวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและการเติบโตสูงมากอีกแห่งหนึ่งของอาเซียนหลังจากที่ผ่อนปรนข้อบังคับและเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ได้อย่างเสรียิ่งขึ้นตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่เวียดนามมากขึ้นเป็นลำดับจาก 1.7 ล้านคนในปี 1997 มาสู่ 3.5 ล้านคนในปี 2006 และเพิ่มมากขึ้นถึงกว่า 100%

Read More

ฟื้นเศรษฐกิจแบบไทยไทย? ตามรอย Discover Thainess

  พลันที่เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ควันไฟและเศษฝุ่นปูนที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศเพิ่งจางหายไปไม่นาน นับเป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญที่สร้างความตระหนกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่น้อย ส่งผลให้มีการยกเลิกการจองโรงแรมสำหรับเข้าพักในบางพื้นที่ ความวิตกปรากฏอยู่เพียงไม่นานเมื่อทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นทันตา แน่นอนว่าหลายฝ่ายเป็นกังวลต่อเหตุดังกล่าว ว่าจะส่งผลให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยที่กำลังขยายตัวอยู่อย่างต่อเนื่องชะลอตัวลง ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของไทยกำลังน่าเป็นห่วง ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวอาจจะช่วยพยุงและหนุนนำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้บ้าง ซึ่งหากดูจากสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2558 มีอัตราการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 30.93 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 826,867.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.95  โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามียุทธศาสตร์การปฏิรูปท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558-2560 ซึ่งมุ่งเน้นในด้านมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นสุดท้าย ทั้งนี้หลังจากเปิดระดมความคิดเห็นจากหลายฝ่ายจึงได้ข้อสรุป 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ปฏิรูปด้านการตลาด 2. ยุทธศาสตร์ปฏิรูปด้านการพัฒนาสินค้าและบริหารท่องเที่ยว และ 3. ยุทธศาสตร์ปฏิรูปด้านการบริหารจัดการ ปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทย อีกหนึ่งแคมเปญที่ภาครัฐตั้งธงขึ้นมาเพื่อหวังให้เป็นหมากสำคัญที่จะทำคะแนนได้ ซึ่งแม้จะได้ผลอยู่บ้างจากการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างหนักหน่วง หากแต่เกิดคำถามขึ้นในเวลาที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนว่า การท่องเที่ยวไทยมาถูกทางหรือไม่ จะดีกว่าไหมหากจะมองข้ามความงามอันฉาบฉวย แล้วหันกลับมามองให้ลึกถึงทรัพยากรที่มีอยู่และพัฒนาเพื่อผลประโยชน์อันจีรัง นอกจากยุทธศาสตร์การปฏิรูปท่องเที่ยวไทยแล้ว กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ยังผลักดันกลยุทธ์พัฒนาเชิงพื้นที่ 5 คลัสเตอร์ รีแบรนดิ้งพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย ยกระดับจากแหล่งท่องเที่ยวราคาถูกสู่แหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ โดยมีสาระสำคัญของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวทั้ง

Read More

ถอดรหัสท่องเที่ยวอินเดีย “Incredible” อย่างเป็นระบบ

  พลันที่เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทและส่งผลให้เกิดความสูญเสียแก่ทั้งชีวิตผู้คนและทรัพย์สิน โดยรอบย่านราชประสงค์เมื่อ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ากิจกรรมด้านการท่องเที่ยวซึ่งผูกพันกับประเด็นว่าด้วยสวัสดิภาพความปลอดภัยจะได้รับการหยิบยกและคาดการณ์ถึงผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง แต่ระยะเวลาเพียงสามสัปดาห์หลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ว่านี้ การประเมินความเสียหายหรือทิศทางแนวโน้มในอนาคตอาจไม่ปรากฏชัดเจนมากนัก แม้ว่าในเบื้องต้นจะมีตอบสนองในเชิงลบว่าด้วยการยกเลิกการเดินทางหรือการจองบ้างก็ตาม ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุปกติท่ามกลางกลุ่มควันที่เพิ่งปกคลุมและยังไม่ทันได้จาง ความพยายามที่จะกระตุ้นและอาศัยการท่องเที่ยวให้เป็นส่วนหนึ่งในการแสวงหารายได้เข้าสู่ประเทศมิได้เกิดขึ้นเฉพาะในกรณีของประเทศไทยเท่านั้น หากในความเป็นจริงดูเหมือนว่าเกือบทุกประเทศทั่วโลกจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในระดับดีกรีความเข้มข้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพียงแต่ในรายละเอียดของการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นจะดำเนินไปท่ามกลางมิติและจุดขายที่มุ่งเน้นเพื่อหนุนส่งสถานภาพของแต่ละประเทศในสังคมโลกอย่างไรเท่านั้น หากประเมินในมิติที่ว่านี้ กรณีของ Incredible India ซึ่งเป็นการรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของอินเดียที่ดำเนินมาตั้งแต่เมื่อปี 2002 ดูจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างและขยายตลาดการท่องเที่ยว ที่ประสบผลสำเร็จจนกลายเป็นแบรนด์ที่มีบทบาทอิทธิพลในตลาดการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติไม่น้อยเลย การส่งเสริมการท่องเที่ยวของอินเดียในช่วงก่อนหน้าปี 2002 ก็คงไม่แตกต่างจากความพยายามที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ที่พยายามออกโบรชัวร์หรือแผ่นพับแนะนำประเทศและจุดท่องเที่ยวสำคัญหลากหลาย ควบคู่กับการจัดกิจกรรมพิเศษในแต่ละคราวแต่ละวาระ ตามแต่ที่โอกาสและความสามารถในการบริหารจัดการจะเอื้ออำนวย ซึ่งย่อมไม่สามารถลงหลักปักหมุดให้เกิดความรู้สึกตระหนักรู้ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังไม่นับรวมการบริหารจัดการด้านงบประมาณจำนวนมากที่เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับเป็นผลตอบแทนในรูปของจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าสู่ประเทศ ที่อาจไม่เกิดความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ เพราะขาดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงและต่อเนื่องอีกด้วย แต่พลันที่รัฐบาลอินเดียริเริ่มแผนการรณรงค์ภายใต้ Incredible India ปรากฏว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่อินเดียมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและเติบโตด้วยอัตราเร่งที่น่าสนใจ โดยข้อมูลจาก Visa Asia Pacific เมื่อปี 2006 หรือหลังจากที่ Incredible India ได้รับการนำเสนอสู่สาธารณะเพียง 4 ปีระบุว่า อินเดียกลายเป็นจุดหมายปลายทางและตลาดการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็วของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวนานาชาติ ซึ่งตัวเลขในรายงานระบุว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2005 (ตุลาคม-ธันวาคม) มีนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินตราในการท่องเที่ยวอินเดียมากถึง 372 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 25

Read More