Home > Food (Page 3)

ระวัง ! ตู้เย็นทำลายคุณค่าผัก & ผลไม้

 ระวัง ! ตู้เย็นทำลายคุณค่าผัก & ผลไม้ ฟังดูแล้วทะแม่งๆ ใช่ไหม ปกติแล้วเรารู้เพียงว่า เมื่อซื้อผักผลไม้มาแล้ว ดูเหมือนวิธีที่เราคิดว่าดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด คือนำของทุกอย่างเก็บไว้ในตู้เย็น แต่เชื่อไหมว่า ตู้เย็นที่ให้ความเย็นมากเกินไป กลับกลายเป็นที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการเก็บผักผลไม้สดบางชนิด  Zoe Wilson กับ Vanessa Hattersley สองนักกำหนดอาหารกล่าวว่า การยืดอายุผักผลไม้และรักษาคุณค่าทางอาหารให้ได้ครบถ้วนนั้น จำเป็นต้องรู้หลักการเก็บรักษาง่ายๆ บางอย่างด้วยเช่นกัน พริกหวานจัดว่าเป็นผักคู่ครัวที่มักซื้อติดบ้านไว้เสมอ มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก เพราะมีวิตามินซีและเบตา–แคโรทีนสูงมาก โดยเฉพาะพริกแดงยังมีไลโคปีนสูงด้วย Hattersley เตือนว่า “หากพริกหวานของคุณเริ่มเหี่ยว อย่าเพิ่งโยนทิ้ง ให้หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วใส่ในหม้อซุป สตู หรือสปาเกตตีซอสเนื้อ” ส่วน Wilson ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “พริกหวานเป็นผักที่ไวต่อความเย็นเช่นเดียวกับถั่วและพริกขี้หนู เพื่อป้องกันไม่ให้พริกหวานได้รับความเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็งและนิ่มเละจนใช้ไม่ได้ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นบริเวณที่ไม่เย็นจัดหรือมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณอื่น” ผักสลัดระวังอย่าเก็บผักสลัดในที่เย็นจัดเป็นอันขาด ยิ่งผักมีใบเขียวเข้มมากเท่าใด คุณค่าทางอาหารยิ่งสูงขึ้นเพียงนั้น และมีคุณค่าทางอาหารที่หลากหลายแตกต่างกันในแต่ละชนิด เช่น ผักโขมอุดมไปด้วยวิตามินซี เอ และแมงกานีส ขณะที่วอเตอร์เครสมีวิตามินซีและเอสูง ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งพลังงานที่มีคุณค่าทางอาหารมาก เพราะเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการต่อต้านมะเร็ง ผักสลัดประเภทผักกาดหอม ต้องเก็บในถุงพลาสติก มีรู แล้วเก็บในลิ้นชักตู้เย็น โดยวางไว้บนสุดเสมอ

Read More

ไปทาน “ปู” กันไหม

 ช่วงนี้ผู้เขียนมีโอกาสได้ทานปูบ่อยเป็นพิเศษ แต่ก็นั่นล่ะคะ เรื่องของอาหารการกินบางครั้งถ้าซ้ำกันเกิน 2-3 มื้อ แม้ว่าจะอร่อยเพียงใด ก็อาจทำให้ต้องรีบมองหาวิธีการปรุงในรูปแบบอื่นๆ ได้เหมือนกัน  และก็คงมีแต่คนไทยเท่านั้น ที่จะสรรหาวิธีการปรุงวัตถุดิบชนิดเดียวให้สามารถนำเสนอเป็นเมนูอาหารที่หลากหลายได้อย่างไม่เคอะเขินและลงตัว ทั้ง เผา ทอด ผัด ต้ม นึ่ง หลายครั้งยังมีเทศกาลอาหารเฉพาะทางให้ได้ลิ้มลองอีกด้วย  ในญี่ปุ่นก็มีเทศกาลทานปูเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลปูยักษ์ฮอกไกโด ซึ่งที่จริงแล้วก็คือ King Crab ที่พบและสามารถจับได้ในแถบอะแลสกาตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคมในแต่ละปี ซึ่งสอดรับกับเทศกาลท่องเที่ยวฤดูหนาวของญี่ปุ่น ซึ่งมักถือโอกาสเดินทางขึ้นเหนือเพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นและตระเวนเล่นสกีหิมะไปโดยปริยาย Sapporo ดูจะเป็นจุดหมายปลายทางหลักในฤดูหนาวของญี่ปุ่น สำหรับนักเดินทางโดยทั่วไปที่นึกถึงฮอกไกโด หากแต่ถ้าประสงค์จะไปทานปูยักษ์กันอย่างจริงจัง และด้วยความสดใหม่ เมือง Kushiro เมืองท่าและหมู่บ้านชาวประมงด้านทิศตะวันออกของฮอกไกโดนี่ล่ะคะ ที่จะสามารถหาปูยักษ์สดๆ ทานกันได้ด้วยสนนราคาที่ยังไม่ผ่านการบวกเพิ่มจากค่าคนกลางและการขนส่ง King Crab ที่ว่านี้มีอยู่สามสายพันธุ์ แยกเป็น Red King Crab, Blue King Crab และ Brown King Crab (Golden King Crab) แต่ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันก็เพียงสองสายพันธุ์คือ Red

Read More

ไฟน์ ฟู้ด แนวรบใหม่ของสิงห์

 ธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่สันติ ภิรมย์ภักดี บอสใหญ่ของสิงห์กำหนดเป็นนโยบายไว้ ซึ่งที่ผ่านมา กลุ่มสิงห์เริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจอาหาร โดยประเดิมเปิดร้าน EST 33 เมื่อหลายปีก่อน และประสบผลสำเร็จ จนมีถึง 3 สาขาในปัจจุบัน การรุกคืบของสิงห์ในสมรภูมิธุรกิจอาหารครั้งใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ สิงห์เปิดตัวบริษัท ไฟน์ ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่เป็นบริษัทในเครือบุญรอด บริวเวอร์รี่ เมื่อตุลาคม 2555 หรือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นธุรกิจอาหารทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้การบริหารของธีระ วงศ์พัฒนาสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟน์ ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โครงสร้างของกลุ่มธุรกิจอาหาร ได้เริ่มเดินเครื่องเสริมทัพเป็นจักรกลให้กับบริษัท ด้วยการประเดิมเปิดร้านอาหาร ชื่อ “ร้าน พาคาต้า” จำนวนสองสาขา โดยสาขาแรกในไทยที่ถนนข้าวสาร เมื่อเดือนธันวาคม 2555 ด้วยคอนเซ็ปต์ร้านที่นำเสนอเป็นแบบ Fast Fusion

Read More

พิษปักเป้า

 ในบรรดาอาหารเลิศรสของญี่ปุ่น เชื่อว่าเมนูปลาปักเป้าจะกลายเป็นเมนูที่ก่อให้เกิดความฉงนสนเท่ห์เมื่อได้รับรู้รับเห็นจากผู้คนจากแดนไกลมากที่สุดเมนูหนึ่งนะคะ เหตุที่เป็นดังนั้นก็คงเป็นเพราะในแต่ละขวบปีจะมีชาวญี่ปุ่นถูกหามส่งโรงพยาบาล เพราะไปรับประทานเนื้อปลาปักเป้าที่มีพิษรุนแรง โดยจำนวนมากที่ได้รับพิษจากปลาปักเป้าจนมีอาการปางตาย แต่ก็มีบางรายไม่ได้โชคดีหรือรอดชีวิตให้มีโอกาสมาลิ้มรสชาติของปลาพิษร้ายชนิดนี้อีกเลย แม้จะมีความเสี่ยงและต้องผจญภัยมากถึงขนาดนี้ แต่ผู้นิยมบริโภคและลิ้มลองของแปลกบางรายกลับมองว่า ความรู้สึกชาๆ ที่ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ซึ่งเกิดจากการได้รับพิษของปลาปักเป้า ถือเป็นเสน่ห์ที่ชวนหลงใหลในการลิ้มลองเมนูพิสดารที่ว่านี้ แต่อาการชา ซึ่งเกิดจากสารเทโทรท็อกซินจากปลาปักเป้านี้ อาจทวีความรุนแรง และเพิ่มระดับอาการจากการชาที่ปลายประสาท ไปสู่การเข้าสู่ภาวะที่เป็นอัมพาต และเลยเถิดไปสู่การทำให้ระบบหายใจล้มเหลวได้เลยนะคะ ความรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวของพิษจากการบริโภคปลาปักเป้า มีมากถึงกับที่สำนักงานอาหารและยาในสหรัฐอเมริกาเสนอรายงานการวิจัยที่ระบุว่า การบริโภคปลาปักเป้าอาจทำให้เกิดพิษรุนแรงภายใน 4-6 ชั่วโมง โดยเหยื่อซึ่งอยู่ในภาวะที่เป็นอัมพาตทั้งตัว จะยังมีสติและสามารถรับรู้ความทรมานจากพิษอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นานต่อมา ข้อมูลที่มีผลการวิจัยสนับสนุนดังกล่าวนี้ ทำให้เมนูปลาปักเป้า หรือ ฟุกุ (Fugu) ที่ชนชาวญี่ปุ่นนิยมบริโภคนี้ กลายเป็นเมนูอาหารที่ได้รับการกล่าวถึงในฐานะเมนูอาหารที่อันตรายมากที่สุดจานหนึ่งของโลกไปโดยปริยายอีกตำแหน่งหนึ่ง ในความเป็นจริง เนื้อปลาปักเป้าไม่มีมีพิษหรอกนะคะ หากแต่ปลาปักเป้าได้สะสมพิษร้ายไว้ในตับ ซึ่งหากผู้ปรุงปลาปักเป้าไม่มีความชำนาญ พิษจากตับก็จะแผ่ซ่านไปทั่วตัวปลา ตรงนี้ล่ะค่ะคือความอันตรายที่แท้จริง แต่เมนู ฟุกุ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากปลาปักเป้า หรือ Torafugu ซึ่งคนไทยเรียกขานในนามปลาปักเป้าเสือ นี้ ก็ไม่ใช่เมนูที่จะหารับประทานกันได้ง่ายๆ นะคะ ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะปลาชนิดนี้มีจำนวนน้อยหรือหาได้ยากแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะในกระบวนการปรุงปลาชนิดนี้ ต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญการของพ่อครัวที่มีใบอนุญาตให้ประกอบอาหารจากปลาปักเป้าเท่านั้น ซึ่งทำให้เมนูปลาปักเป้ากลายเป็นเมนูที่มีสนนราคาแพงไปด้วยเช่นกัน กระบวนการเพื่อคัดสรรพ่อครัวให้มาปรุงปลาปักเป้านี้ ต้องผ่านการฝึกและการสอบอย่างเข้มงวด จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ได้พ่อครัวที่มีความรู้เกี่ยวกับปลาปักเป้า รู้วิธีที่จะชำแหละเพื่อให้ได้เนื้อปลาที่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค ซึ่งจะต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยพ่อครัวคนเก่งของเราจะต้องปรุงและทดลองชิมปลาชนิดนี้ด้วย

Read More

เปิดตัวอาหารระดับ “ซูเปอร์สตาร์”

 เป็นที่รู้กันดีว่า ปลาทะเลน้ำลึกที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง บร็อคโคลี และบลูเบอร์รี ได้ชื่อว่าเป็นอาหารมหัศจรรย์ที่ช่วยบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้น แต่อาหารที่มีคุณสมบัติดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นี้ ผลการวิจัยล่าสุดระบุมีอาหารระดับ “ซูเปอร์สตาร์” อีก 12 ชนิดที่คุณพลาดไม่ได้ดังนี้ ซิลเวอร์บีท (silverbeet)-ทำให้สายตาดีขึ้นรู้กันมานานแล้วว่า ลูทีนกับซีแซนทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่วิเศษมากในแง่ช่วยปกป้องสุขภาพสายตาในอนาคต จากการที่ช่วยให้นัยน์ตาของคุณสามารถทนทานต่อการทำลายจากรังสียูวี แต่การวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ยังระบุว่า ทั้งลูทีนและซีแซนทีนทำให้คุณมีสายตาแหลมคมขึ้นด้วย ศาสตราจารย์ Billy Hammond แห่งมหาวิทยาลัยจอร์เจียอธิบายว่า สารต้านอนุมูลอิสระจะมารวมตัวอยู่ด้านหน้าของลูกนัยน์ตา “เหมือนสวมแว่นกันแดดสีเหลืองไว้ภายในลูกตาของเรา สารดังกล่าวทำหน้าที่กรองแสงสีฟ้าซึ่งเป็นแสงที่มองเห็นได้ที่เป็นอันตรายที่สุด เมื่อแสงสีฟ้านี้กระจายตัวอยู่ในลูกตา ทำให้มีอาการแสบตา และเมื่อกระจายตัวอยู่ในบรรยากาศ ทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง” หากมีสารลูทีนและซีแซนทีนเคลือบนัยน์ตาอยู่ จะช่วยให้คุณมองเห็นได้ไกลขึ้นและชัดขึ้นด้วย แอปริคอตแห้ง-สำหรับกลุ่มอาการพีเอ็มเอสกลุ่มอาการพีเอ็มเอสหรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เป็นอาการผิดปกติหรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสตรีซ้ำๆ และสัมพันธ์กับการมีประจำเดือน ส่วนมากอาการจะเกิดก่อนมีประจำเดือน เช่น ปวดศีรษะ หงุดหงิด เจ็บคัดตึงเต้านม แอปริคอตแห้ง 30 กรัมมีธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม ซึ่งนักวิจัยในสหรัฐฯ เชื่อมโยงว่า เป็นปริมาณที่ช่วยลดอัตราการเกิดอาการก่อนมีประจำเดือนได้ถึงร้อยละ 30-40 ผลการศึกษาของ Dr. Patricia  Chocano-Bedoya แห่งภาควิชาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

Read More

ดิบ…แต่ไม่เถื่อน

 ท่านผู้อ่านคิดเห็นแบบเดียวกับผู้เขียนไหมคะว่า กิจกรรมในความทรงจำที่เกี่ยวเนื่องกับอาหารถือเป็นประสบการณ์ที่เล่าสู่ และแลกเปลี่ยนกันได้ไม่รู้เบื่อจริงๆ เพราะลำพังแค่เพียงปลาดิบ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของสังคมญี่ปุ่น ยังมีความหลากหลายในกระบวนการนำเสนอ จนพ้นไปจากการเป็นเพียงชิ้นเนื้อที่ไม่ผ่านการปรุงอย่างที่เราท่านคุ้นเคยไปไกลทีเดียว คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการบริโภคปลาดิบมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะได้สารอาหารครบถ้วนจากเนื้อปลาแล้ว การที่ไม่ผ่านการปรุงไม่ว่าจะเป็นการผัด ทอด หรือแม้แต่ต้ม นึ่ง ย่าง ก็ทำให้โอกาสเสี่ยงที่จะได้รับน้ำมันและสารปนเปื้อนอื่นๆ ในขั้นตอนเหล่านั้นลดลงไปด้วย  การบริโภคปลาดิบ นอกจากจะเป็นความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติแบบเซนของญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพไปด้วยในตัว ครั้งหนึ่งผู้เขียนมีโอกาสไปทานมื้อกลางวันกับหมู่มิตรชาวญี่ปุ่นในร้านซูชิแบบ Kaiten ที่เป็นสายพานลำเลียงอาหารมาให้เลือกเป็นจานต่างๆ ซึ่งเป็นร้านประจำของพวกเรา เชฟคงเห็นว่าวันนั้นมีสาวๆ มาด้วยกันหลายคน จึงถือโอกาสแนะนำเมนูอาหารพิเศษประจำวันให้ได้ลิ้มลอง อาหารที่ว่าเป็นปลาตัวเล็กใส ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานเหมือนปลาเข็มของไทย ประมาณนั้นนะคะ นับจำนวนได้ ก็สักสิบกว่าตัว ใส่อยู่ในแก้วใสสะอาด ด้วยความสงสัยจึงถามเพื่อนๆ ญี่ปุ่นว่า เมนูที่ว่าดีต่อสุขภาพนั้นดีอย่างไร  เชฟยืนอธิบายสรรพคุณอย่างออกรสว่า เจ้าปลาเป็นๆ ตัวน้อยที่ว่านี้ จะช่วยดูดซึมของเสียหรือพิษในระบบทางเดินอาหาร ทานบ่อยๆ จะทำให้สุขภาพดี หุ่นดี แต่ต้องทานกันสดๆ ค่ะ แล้วให้มันว่ายกระดื๊บๆ อยู่ในท้องของเรา     กลุ่มเพื่อนที่เป็นชาวญี่ปุ่นเอง แม้จะเคยทราบว่ามีเมนูแบบนี้มาก่อน แต่ทุกคนในที่นั้น ก็ยังไม่มีใครเคยทดลองนะคะ เราก็มองหน้ากันไปมา ว่าจะทดลองดูไหม และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน ในที่สุด...เอ้า.. ลองก็ลอง...   ดื่มเลย...ดื่มเลย

Read More

หงษ์ทองแตกไลน์ รุกตลาดโจ๊ก

 ขณะที่สังคมไทยยังถกแถลงเรื่องความเป็นไปของเกษตรกรชาวนาไทย และปมปัญหาของกระบวนการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลกันอย่างหาบทสรุปที่ลงตัวสำหรับทุกฝ่ายไม่ได้ ผู้ประกอบการค้าข้าวอย่างกลุ่มเจียเม้ง ซึ่งมีแบรนด์ “หงษ์ทอง” เป็นธงนำกลับเดินเครื่องธุรกิจรุกไปข้างหน้าด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างมูลค่าให้กับทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ โดยล่าสุด “โจ๊กหงษ์ทองพลัส” กลายเป็นสินค้าในไลน์ใหม่ที่ถูกนำเสนอออกสู่ตลาด ภายใต้โจทย์และแนวความคิดที่ว่าทำอย่างไรที่จะใช้ข้าวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักให้เกิดประโยชน์และมีมูลค่าเพิ่มให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะนำไปสู่ “โจ๊กหงษ์ทองพลัส” โดยเน้นเป้าหมายเป็นกลุ่มเด็กอนุบาล อายุ 3-6 ขวบเป็นหลัก ตอบโจทย์ที่ว่าเด็กควรได้ทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ทุกวัน หรืออาจมุ่งเน้นกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีความเร่งรีบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Health & Convenient” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มเจียเม้งขยายบริบททางธุรกิจให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์จากข้าว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา กลุ่มเจียเม้งพยายามเติมเต็มและสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ข้าวอยู่เป็นระยะ ทั้งในรูปของการขยายแบรนด์ให้มีความหลากหลาย หรือแม้กระทั่งการรุกเข้าไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กว่า 70 ปีที่กลุ่มเจียเม้งพัฒนาจากการเป็นผู้ประกอบการโรงสีข้าวมาสู่ธุรกิจส่งออกข้าวไปต่างประเทศ ด้วยการส่งออกข้าวหอมมะลิโดยใช้ชื่อตราสินค้าว่า “GOLDEN PHOENIX” หรือในภาษาจีนเรียกว่า Kim Hong หรือที่รู้จักกันในไทยว่า “ข้าวหงษ์ทอง” ซึ่งเป็นผู้นำของข้าวหอมมะลิ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตลาดต่างประเทศ    ผลิตภัณฑ์ข้าวหงษ์ทองแยกตามแบรนด์และชนิดข้าว ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ตราหงษ์ทอง ข้าวหอมปทุม หรือข้าวหอมผสมตราหงษ์ทิพย์ ข้าวขาวตราหงษ์ไทย ข้าวสุขภาพ ข้าวกล้อง ตราหงษ์ทองไลฟ์ ในขณะที่สินค้าหลักของข้าวหงษ์ทอง คือ

Read More

อาหารมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพมหัศจรรย์ (2)

อาหารบำรุงสายตาผักใบเขียวผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างพยาบาลกว่า 50,000 คนของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ผู้ที่บริโภคผักใบเขียววันละ 2 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมน้อยลงร้อยละ 46 โรคที่ทำให้ผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีตาบอด Dr.La Puma อธิบายว่า ผักใบเขียวมีลูทีนกับซีแทนทีน ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์อันทรงพลังสองตัวที่ช่วยให้นัยน์ตาดูดซับแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น และช่วยปกป้องเรตินาหรือเยื่อชั้นในของลูกตา ผลการศึกษายังพบว่า ผู้หญิงที่บริโภคอาหารที่มีเบตา – แคโรทีนสูง มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกลดลงราวร้อยละ 39นมไขมันต่ำหรือปราศจากไขมันนมไขมันต่ำและนมปราศจากไขมันมีไรโบฟลาวินสูง ซึ่งเป็นวิตามินบีที่ช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้มาก ร่างกายของคุณใช้ไรโบฟลาวินในการผลิตกลูตาไธโอนที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถทำลายเนื้อเยื่อนัยน์ตาได้ นอกจากนี้ วิตามินดีที่พบในนมเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุ ยังช่วยปกป้องนัยน์ตาของคุณเช่นกัน ผลการศึกษาพบว่า เลือดที่มีวิตามินในระดับสูงช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมเกือบร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีวิตามินดีในเลือดต่ำอาหารเสริมความแข็งแรงของกระดูกเนื้อสันเนื้อสันเพียง 4 ออนซ์ให้สังกะสีกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันคือ 8 มิลลิกรัม สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยปกป้องกระดูก การวิจัยชี้ว่า ผู้หญิงที่ได้รับสังกะสีปริมาณต่ำ มักมีปัญหากระดูกเปราะบางในวัยกลางคน ถ้าคุณชอบอาหารทะเล ก้ามปูอลาสกาหนึ่งก้ามให้สังกะสี 10 มิลลิกรัมบร็อคโคลีอุดมด้วยวิตามินเค ซึ่งช่วยให้ร่างกายขนส่งแคลเซียมและเผาผลาญวิตามินเคเข้าสู่โครงกระดูกของคุณ การศึกษาพบว่า วิตามินเคเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน และช่วยลดอัตรากระดูกแตกร้าว ผลคือ สถาบันการแพทย์แนะนำให้บริโภควิตามินเควันละ 90 ไมโครกรัมในผู้หญิง

Read More

“ครัวไทยสู่โลก” เข็มมุ่งของผู้ประกอบการไทย

 การประกาศรุกตลาดต่างประเทศของผู้ประกอบการด้านอาหารของไทย ดูจะกลายเป็นยุทธศาสตร์และแนวโน้มที่ไม่อาจเลี่ยงได้ในอนาคต หลังจากที่ประเทศไทยวางยุทธศาสตร์ประเทศไว้ที่การเป็นครัวของโลกมานาน เกือบทศวรรษที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์รุกเข้าไปลงทุนและวางโครงข่ายการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และนับเป็นทุนไทย หรือผู้ประกอบการไทย ที่มีลำดับขั้นการพัฒนาทางธุรกิจสอดรับกับยุทธศาสตร์ของชาติมากที่สุดหลายหนึ่ง ก่อนหน้านี้ CPF เคยรุกตลาดญี่ปุ่นด้วยการร่วมลงทุนกับ Yonekyu Corp. บรรษัทผู้ประกอบการผลิตและแปรรูปเนื้อสัตว์ขนาดกลางจากญี่ปุ่น ด้วยการจัดตั้งบริษัท CP-Yonekyu เมื่อช่วงปลายปี 2004 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของ CPF ภายใต้ความมุ่งหวังว่าระดับการพัฒนาและเทคโนโลยีทางการผลิตของ Yonekyu อาจช่วยลดทอนระยะเวลาและเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นในอนาคต หลังจากที่ CPF ต้องได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ไข้หวัดนก ในช่วงก่อนหน้านั้นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือ ในแต่ละปีญี่ปุ่นนำเข้าไก่สดแช่เย็น-แช่แข็ง และไก่แปรรูปจากประเทศไทยมีมูลค่าเฉลี่ยกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 47-52 ของมูลค่าการส่งออกเนื้อไก่ของไทย การสูญเสียตลาดส่งออกไก่ดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมารองรับกับรายได้ที่หดหายไปด้วยแต่การปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ย่อมมิได้เกิดขึ้นโดยลำพัง ท่ามกลางสุญญากาศที่ปราศจากคู่แข่งขันในการช่วงชิงช่องทางธุรกิจนี้ เพราะผู้ประกอบการเลี้ยงสุกรทั้งจากยุโรปและอเมริกา ต่างติดตามสถานการณ์และความเชื่อที่ว่า “วิกฤตของไก่คือโอกาสของหมู”CPF พยายามขยายบริบททางธุรกิจให้กว้างขวางออกไปจากปริมณฑลของไก่ โดยได้ขยายบริบททางธุรกิจเข้าสู่ Aquaculture และการขยายฐานรายได้ในหมวด Hams & Sausages รวมถึงธุรกิจแปรรูปอาหาร (processed foods) อีกหลากหลายที่กำลังมีบทบาทสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ

Read More

ส่องทิศทางธุรกิจอาหารเครือซีพี ผ่านวิสัยทัศน์ “เจ้าสัวธนินท์”

 เป็นประจำทุกปีที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF จะจัดงานเลี้ยงขอบคุณคู่ค้าและพันธมิตร แต่ความพิเศษของงานในปีนี้ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา อยู่ที่การปาฐกถาพิเศษโดย “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของ CPF พร้อมกับฉลองการก้าวขึ้นสู่ “เบอร์ 1” ในธุรกิจอาหารสัตว์โลกนอกจากการกล่าวขอบคุณเกษตรกรและพันธมิตรคู่ค้า เจ้าสัวซีพียังย้อนอดีตของธุรกิจอาหารสัตว์เครือซีพีพร้อมด้วยกุญแจความสำเร็จตลอด 60 ปี ทั้งยังกล่าวถึงแนวโน้มและทิศทางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกธนินท์พูดเสมอว่า “โลกเปลี่ยนแปลง เราต้องเตรียมใจและต้องเปลี่ยนแปลงตามโลกให้ทัน” ซึ่งแน่นอนว่า ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่อยู่ในความสนใจของธนินท์ ย่อมหมายถึง “มูลค่าธุรกิจ” ที่จะส่งผลต่ออนาคตและทิศทางของธุรกิจในเครือซีพีทั้งหมด โดย ผู้จัดการ 360 ํ สรุปประเด็นสำคัญมาพอสังเขป ดังต่อไปนี้“ถ้ายังมีมนุษย์อยู่ ธุรกิจซีพีก็อยู่ได้”“ธุรกิจการเกษตรไปจนถึงธุรกิจอาหารสัตว์ และต่อยอดไปถึงธุรกิจอาหารมนุษย์ ทั้งหมดนี้จะเป็นธุรกิจที่จะอยู่คู่กับมนุษย์ ฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ไม่มีมนุษย์ เมื่อนั้นธุรกิจซีพีถึงจะอยู่ไม่ได้” คำกล่าวของเจ้าสัวซีพี ปรากฏบ่อยครั้ง ไม่ได้เฉพาะบนเวทีครบรอบ

Read More