Home > โซเชียลมีเดีย

ฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้าง แล้วจะมีความสุขขึ้น

โลกอินเทอร์เน็ตขยายอิทธิพลเข้ามาในชีวิตประจำวันของมนุษย์ในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่ตื่นลืมตา กระทั่งหลับตานอนอีกครั้งในยามราตรี จนทำให้เราแทบจะตัดขาดจากโลกโซเชียลไม่ได้ บางคนใช้เวลาอยู่กับโลกโซเชียลนานเกินไปจนความรู้สึกนึกคิดที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงได้ถูกครอบงำ หรือรูปแบบวิถีชีวิตถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เดิมทีมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หาความรื่นรมย์ในชีวิตด้วยการดื่มด่ำกับกลิ่นกรุ่นของกาแฟยามเช้า เดินสำรวจต้นไม้ในสวนหลังบ้าน มือหนึ่งถือแก้วกาแฟที่ยังมีควันลอยฟุ้งส่งกลิ่นกาเฟอีนปลุกให้เราตื่นตัว อีกมือถือกรรไกรตัดกิ่ง คอยเล็ม ริด ใบไม้ที่แห้งเหี่ยวโรยราออกจากต้น ทว่า ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีเจริญรุดหน้าแบบก้าวกระโดด ความรื่นรมย์ในยามเช้าเปลี่ยนไปจากเดิม กาแฟแก้วโปรดถูกจับคู่กับโทรศัพท์มือถือที่ตอบรับสัญญาณของโลกออนไลน์ตัวแปรสำคัญที่นำพาให้เราหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริง และสร้างความบันเทิงจากเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดลงในโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งความขัดแย้ง ปมดราม่าของผู้คนจากหลากหลายวงการ การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้ และแทบไม่เคยฟังเสียงตัวเอง เสียงหัวใจ หรือแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเอง บ่อยครั้งที่เราปล่อยความคิดของตัวเองให้เอนเอียงไปกับมายาคติของโลกออนไลน์ ปล่อยให้ตัวเองถูกชักจูงได้ง่ายขึ้น น่าแปลกที่คนแปลกหน้าเหล่านี้สร้างอิทธิพลต่อเราขึ้นมาจากตัวอักษรที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศที่มีเพียงช่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมต่อเท่านั้น หลายคนแทบไม่รู้ตัวเองเลยว่า การปล่อยให้มายาภาพเหล่านี้เข้ามามีอิทธิพลในความคิดเรานั้น เราเหลือความสุขที่แท้จริงน้อยลง แต่เรากลับคิดเป็นจริงเป็นจังกับทัศนะที่เปิดเผยเพียงด้านเดียวบนโลกออนไลน์ แม้โลกคู่ขนานใบนี้จะมีความเป็นจริงอยู่บ้าง ทว่า อีกมิติของโลกใบดังกล่าวก็อัดแน่นไปด้วยมายาลวงเช่นกัน ความสุขของเราถูกลดทอนให้น้อยลง ความเครียดสะสมมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง พื้นที่ส่วนตัวลดลง แม้กระทั่งเราเห็นคุณค่าของตัวเอง และคนรอบข้าง คนในครอบครัวน้อยลง จะดีกว่าไหม ถ้าเราสร้างสมดุลระหว่างโลกแห่งความเป็นจริง และการใช้ประโยชน์จากโลกคู่ขนานที่เรียกว่า “โซเชียลมีเดีย” ให้เกิดขึ้น เริ่มจากการปิด เปิดโลกออนไลน์ให้เป็นเวลา เพื่อสร้างเวลาส่วนตัวอย่างแท้จริง ในเมื่อเราฟังเสียงจาก “คนอื่น” มามากมาย แล้วเพราะอะไรเราจะหยุดและฟังเสียงของตัวเองบ้างไม่ได้ ตื่นนอนตอนเช้า ใช้เวลากับการจิบกาแฟ ทอดสายตาไปกับต้นไม้ใบหญ้า สีเขียวของใบไม้ และสีสันของดอกไม้จะช่วยให้สายตาของเราได้พักผ่อน หลับตาลง ปล่อยให้สรรพเสียงเดินทางเข้าสู่โสตประสาทเราอย่างช้าๆ

Read More

หลุมพรางของโซเชียลมีเดีย อิทธิพลด้านลบที่เกิดกับผู้ใช้งาน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราได้ก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มตัวแล้ว เมื่อรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในปัจจุบันไม่อาจตัดขาดโลกโซเชียลมีเดียได้ เมื่อเหล่าวิศวกรผู้ออกแบบ นักพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมเมอร์ ได้ย่อส่วนและรวบรวมความสะดวกสบายมาไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แม้โลกโซเชียลจะมีข้อดีนานัปการ ทั้งการย่นระยะทางการสื่อสารระหว่างบุคคลที่อยู่คนละฟากฝั่งโลกให้เหมือนอยู่ใกล้กัน มีส่วนสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ทว่า อีกด้านหนึ่งที่เหล่านักพัฒนาไม่ได้สร้างไว้คือ เครื่องมือป้องกันกับดักหรือหลุมพรางที่เกิดขึ้นในโลกคู่ขนานแห่งนี้ เพราะปัจจุบันโลกเสมือนที่ว่า ไม่เพียงแต่มีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นไปในสังคม อีกแง่มุมหนึ่งคือ มีข่าวสารปลอมว่อนอยู่ทั่วทุกซอกมุมบนโลกอินเทอร์เน็ต มิติด้านบวกที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่ชาญฉลาดคือ ค้นคว้าหาข้อมูล สำหรับการวิเคราะห์ แยกแยะ และประมวลผลด้วยมันสมองของแต่ละบุคคล ภายใต้พื้นฐานการหาข้อเท็จจริง ขณะที่มิติด้านลบ คือ สร้างข้อมูลและปั่นกระแสเพื่อให้ผู้ใช้งานบางส่วนเชื่อข้อมูลเหล่านั้นโดยปราศจากการวิเคราะห์ใดๆ นี่อาจเป็นหลุมพรางที่เกิดในโลกโซเชียล แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งมาจากกรอบความเชื่อเดิมที่เป็นเสมือนรากเหง้าในอุดมคติของแต่บุคคล อันนำมาสู่การ “เลือก” และ “คลิก” เพื่อเข้าถึงแหล่งข้อมูลนั้นๆ กำเนิดผู้พิพากษาบนโลกโซเชียล อิทธิพลในแง่ลบที่ตามมาหลังจากหลุมพรางของโซเชียลเริ่มทำงานคือ เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นประหนึ่งผู้พิพากษาทางสังคมภายในเวลาอันรวดเร็ว หลายต่อหลายครั้งที่ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย มักตัดสินชีวิตของบุคคลอื่นจากข้อมูลที่ปรากฎอยู่บนโลกออนไลน์ ความง่ายดายของการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ ทำให้ผู้ใช้งานแชร์ข้อมูลเดิมๆ ซ้ำๆ พร้อมกับความคิดเห็นแบบเปิดเผยที่ขาดการตระหนักถึงผลที่จะตามมาต่อชีวิตผู้อื่น เพียงเพราะ “เห็นเขาแชร์กัน” และต้องการที่จะมีส่วนร่วมในกระแสสังคมในขณะนั้น ท้ายที่สุดความจริงปรากฏและพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดของบุคคลเพียงไม่กี่คน เราจะพบวลีซ้ำซากที่บ่งบอกถึงความมักง่ายอันไร้สามัญสำนึกว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” อ่านน้อยลง พาดหัวยืนหนึ่ง หลุมพรางของโซเชียลมีเดียที่สร้างอิทธิพลแง่ลบ ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อย กลายเป็นนักอ่านที่มีโควตาไม่เกิน 2 บรรทัด แม้ว่าหลายปีก่อน จะมีคำพูดว่า

Read More

รุกโซเชียลมีเดียสู้วิกฤต ออนไลน์บุ๊กกิ้ง ขายบ้าน ขายรถ

ยุควิกฤตโควิด-19 ที่ต้องคุมเข้มมาตรการ Social Distancing รักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้ช่องทางออนไลน์กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญของทุกธุรกิจ ทั้งการจัดอีเวนต์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ประชุมออนไลน์ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งสงครามโปรโมชั่นของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ ขายบ้าน ขายรถ ชนิดที่เรียกว่า สังคมยุคใหม่ การจองซื้อคอนโดมิเนียมหลักล้าน ไม่ต่างอะไรกับการคลิกสั่งพิซซ่าสักถาด เพราะหากเข้าถึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อได้มากเท่าไร ยิ่งหมายถึงโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทุกบริษัทยังมั่นใจถึง Real Demand และเป็นความต้องการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ขึ้น หลังเจอบทเรียนการป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัส โควิด-19 ขณะเดียวกัน สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ เริ่มมีกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์เข้ามาใช้เป็นสื่อโฆษณาเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น จนถือเป็นกลุ่มผู้ซื้อสื่อหลักแซงหน้ากลุ่มอื่นๆ ทั้งนี้ หากคลิกดูความเคลื่อนไหวของโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ในแต่ละวัน จะเห็นโพสต์โฆษณาของบริษัทยักษ์ใหญ่เกือบทุกแบรนด์ เด้งขึ้นมาให้เห็นต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง อย่างโพสต์ขายโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ Aspire งามวงศ์วานของค่ายเอพี (ไทยแลนด์) โครงการ นิช โมโน รามคำแหง ของค่ายเสนาดีเวลลอปเมนท์ โครงการบ้านเดี่ยวสไตล์ญี่ปุ่น โนเบิล เกเบิล คันโซ

Read More