Home > วัคซีน COVID-19

ลาซาด้าปูพรมฉีดวัคซีน COVID-19 ให้พนักงานด่านหน้า

ลาซาด้าปูพรมฉีดวัคซีน COVID-19 ให้พนักงานด่านหน้า ชูมาตรการความปลอดภัย – ส่งของทันใจ เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าช้อปออนไลน์ไร้กังวลในช่วงล็อกดาวน์ ลาซาด้า ประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจให้กับนักช้อปและตอกย้ำในความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรด่านหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เดินหน้าประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่พนักงานปฏิบัติการทุกระดับในคลังสินค้าและพนักงานขนส่งพัสดุในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมกว่า 3,000 คน เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับร้านค้าและนักช้อปถึงความพร้อมในการส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานในทุกขั้นตอน คุณสมกิจ ไทยพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า โลจิสติกส์ จํากัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ท่ามกลางสถานการณ์ล็อกดาวน์ อีคอมเมิร์ซได้กลายเป็นช่องทางหลักในการช้อปปิ้งของผู้บริโภค ลาซาด้า ในฐานะผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ตระหนักถึงบทบาทของเราในสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างดี และพร้อมดึงศักยภาพด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งของเรา ทั้งในด้านเทคโนโลยี ระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงทีมงานที่พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ออเดอร์เข้ามาจำนวนมากบนแพลตฟอร์มสามารถส่งถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยท่ามกลางข้อจำกัดด้านการเดินทางในสภาวะล็อกดาวน์” ขณะเดียวกัน เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับพนักงานและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ลาซาด้าได้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยล่าสุดจัดให้พนักงานด่านหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลเปาโล พระประแดง และโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่ใกล้เคียงกับศูนย์คัดแยกสินค้า และศูนย์บริหารจัดการคลังสินค้าออนไลน์ของลาซาด้า พร้อมกันนั้นยังเร่งระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติงานในต่างจังหวัด โดยตั้งเป้าว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้ พนักงานด่านหน้าของลาซาด้าทั่วประเทศจะได้รับวัคซีนเข็มแรกกันถ้วนหน้า “ลาซาด้ามีความห่วงใยในสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้ารวมถึงพนักงานทุกคน ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานของลาซาด้า หรือพนักงานสัญญาจ้างที่เข้ามาปฏิบัติงานในคลังสินค้าของเรา การฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นหนึ่งในมาตรการดูแลและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภครวมถึงดูแลความปลอดภัยให้แก่บุคลากรด่านหน้าที่เป็นกำลังสำคัญของเรา

Read More

จาก “ทัวร์วัคซีน” ถึง “ย้ายประเทศ” ภาพสะท้อนความตกต่ำสังคมไทย?

กระแสข่าวว่าด้วยการเสนอจัดการท่องเที่ยวเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาด COVID-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ในด้านหนึ่งนอกจากจะเป็นความพยายามของผู้ประกอบการในการดิ้นรนและปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจโดยอาศัยจังหวะโอกาสและช่องว่างว่าด้วยการจัดสรรวัคซีนที่ดำเนินอยู่ในต่างประเทศแล้ว ในอีกมิติหนึ่งได้สะท้อนความล้มเหลวของการจัดหาและจัดสรรวัคซีนในประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการบริหารจัดการของกลไกรัฐอย่างหนักหน่วง ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือ “วัคซีน COVID-19” ได้รับการประเมินว่าเป็นทางรอดสำคัญสำหรับผู้คนจำนวนมากทั่วโลก ความล่าช้าหรือการเข้าถึงการฉีดวัคซีนที่ยากในบางประเทศ จึงทำให้มีหลายคนมองหาลู่ทางในการฉีดวัคซีนนอกเหนือจากที่มีอยู่ในประเทศ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของบางประเทศ ที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและวัคซีน COVID-19 ที่มีอยู่ในประเทศ ในฐานะที่เป็นดีลที่สมประโยชน์ (win-win) ทั้งสองฝ่าย กรณีการกระตุ้นการท่องเที่ยวควบคู่กับการฉีดวัคซีนที่ชัดเจนที่สุดกรณีหนึ่ง ดูจะเป็นยุทธศาสตร์ของ มัลดีฟส์ ที่ริเริ่มการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มมุ่งฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายใต้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “3V” ประกอบไปด้วย Visit (มาเยือน) - Vaccination (ฉีดวัคซีน) - Vacation (พักผ่อน) ซึ่งจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในมัลดีฟส์ ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ แนวความคิดที่จะนำวัคซีนมาฉีดให้ผู้มาเยือนเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวนี้ ดำเนินไปหลังจากที่มัลดีฟส์ฉีดวัคซีนให้ประชากรในประเทศไปแล้วประมาณ 300,000 คน หรือคิดเป็น ร้อยละ 55 ของประชากรทั้งประเทศ โดยวัคซีนส่วนใหญ่ที่มัลดีฟส์ได้รับเป็นการจัดสรรจากโครงการ COVAX หรือวัคซีนกองกลางที่หลายประเทศนำมาบริจาคไว้แจกจ่ายให้ประเทศที่ขาดศักยภาพในการแย่งชิงวัคซีน COVID-19

Read More

หวังพึ่งปาฏิหาริย์วัคซีน ปลุกอสังหาริมทรัพย์ฟื้น

การมาถึงของวัคซีนป้องกัน COVID-19 ดูกำลังจะเป็นประหนึ่งยาวิเศษและแก้วสารพัดนึกที่ปลุกให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมหลากหลายกลับมามีความหวังหลังจากที่ตกอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรค แม้ว่าการนำเข้าวัคซีนดังกล่าวจะทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียนที่มีการนำเข้าวัคซีนเชิงพาณิชย์จากจีน หลังจากที่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ได้รับวัคซีนด้วยวิธีอื่นๆ ไปก่อนหน้าแล้วก็ตาม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มี Multiplier Effect สูงมาก ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ซื้อทาวน์เฮาส์เท่านั้น หากแต่ยังเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสี ปูนซีเมนต์ เหล็ก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องครัว ซึ่งการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจจะช่วยให้เกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจและน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปกว้างขวางยิ่งขึ้น หากแต่ในช่วงที่ผ่านมา ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยดัชนีราคาที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ลดลงร้อยละ 2 มาอยู่ที่ 197 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 ไตรมาส ขณะที่แนวโน้มราคาและอุปทาน มีทิศทางลดลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก โดยกำลังซื้อจากผู้บริโภคต่างชาติที่หายไปนาน รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ฟื้นตัวช้าลงจากที่คาดไว้ช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยล่าสุด พบว่า COVID-19 ระลอกใหม่ส่งผลให้แนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ด้านดัชนีอุปทานก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน เนื่องจากผู้ประกอบการหันมาเร่งระบายสต็อกคงค้างและชะลอการเปิดโครงการใหม่ ขณะที่ความต้องการซื้อก็ถูกดูดซับไปจำนวนมากจากสงครามราคาที่รุนแรงช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าสงครามราคาอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัว หากแต่มาตรการเยียวยาจากภาครัฐอย่างตรงจุดและความชัดเจนของการฉีดวัคซีนจะเป็นตัวแปรสำคัญที่เร่งการฟื้นตัว ส่วนมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

Read More