Home > ตลาดน้ำมันพืช

ตลาดน้ำมันพืช โอกาสและความผันผวน

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สถานการณ์ราคาน้ำมันพืชทั้งไทยและทั่วโลกมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันสืบเนื่องมาจากปัญหาอุปทานตึงตัวจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน การระงับการส่งออกน้ำมันปาล์มของผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลกอย่างอินโดนีเซีย และอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง ปลายเดือนเมษายน 2565 ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด (Joko Widodo) ผู้นําอินโดนีเซีย ประกาศระงับการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเพื่อการบริโภคในประเทศและควบคุมราคาน้ำมันประกอบอาหารไม่ให้สูงเกินไปจนส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของชาวอินโดนีเซีย โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 เมษายน 2565 คำสั่งดังกล่าวถูกคัดค้านอย่างหนักจากเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเพราะทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง เพราะเกษตรกรเสียโอกาสจากการทำกำไรตามกลไกของตลาดในช่วงเวลานั้นที่ราคาน้ำมันปาล์มกำลังปรับตัวสูงขึ้น จนในที่สุดรัฐบาลอินโดนีเซียต้องออกมายกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป แต่ถึงกระนั้นคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียได้สร้างความกังวลต่อประเทศผู้นำเข้าและสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดน้ำมันพืชทั่วโลกอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง เนื่องจากน้ำมันปาล์มเป็นน้ำมันพืชที่มีการบริโภคมากที่สุด โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 1 ใน 3 ของตลาดน้ำมันพืชทั่วโลก อีกทั้งอินโดนีเซียยังเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลกถึง 60% รองลงมาคือมาเลเซียที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง ด้านวิจัยกรุงศรีระบุว่า ปี 2564 การผลิตและการบริโภคน้ำมันปาล์มทั่วโลกมีปริมาณ 72.9 ล้านตัน และ 73.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.3% และ 36.5% ของปริมาณการผลิตและการบริโภคน้ำมันจากพืชทุกชนิดตามลำดับ แหล่งผลิตน้ำมันปาล์มที่สำคัญอยู่ในภูมิภาคอาเซียน โดยประเทศผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ คือ อินโดนีเซียและมาเลเซีย มีผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ

Read More

เจนฯ ใหม่ “เตมียเวส” กับการรุกตลาดน้ำมันพืช

“เอกภัท เตมียเวส” เป็นเพียงไม่กี่คนในตระกูลเตมียเวส ที่เลือกออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแทนการอยู่ในแวดวงราชการหรือการเมืองเหมือนคนในครอบครัว แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือการเลือกเข้าสู่ “ธุรกิจน้ำมันพืช” อีกหนึ่งธุรกิจที่มีการแข่งขันที่เข้มข้น และยังมีผู้เล่นรายใหญ่จับจองตลาดอยู่ก่อนแล้ว แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ธุรกิจน้ำมันพืชนั้น เส้นทางบนถนนสายธุรกิจของ “เอกภัท” เจเนอเรชันใหม่แห่งเตมียเวสก็มีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เอกภัท เตมียเวส ในวัย 37 ปี เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ฟังว่า “ด้วยความที่ผมชอบการทำธุรกิจและการค้าขายมาตั้งแต่เด็กๆ พอมีโอกาสก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง เลยเปิดบริษัทชื่อเตมียเวสกรุ๊ปทำอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าอย่างพวกอพาร์ตเมนต์ต่างๆ ทำธุรกิจเม็ดพลาสติก รวมถึงรับจ้างผลิตพวกขนมขบเคี้ยวแล้วส่งออกไปขายยังจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เพราะส่วนตัวชอบรับประทานขนมอยู่แล้ว” แต่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า ผลิตเม็ดพลาสติก รับทำและจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม FMCG (Fast Moving Consumer Goods) แล้ว เตมียเวสกรุ๊ปยังเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันพืชยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจน้ำมันพืชของเอกภัท “เราเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันพืชยี่ห้อหนึ่ง แต่สุดท้ายทางแบรนด์เขาก็เอามาขายด้วย มันก็ทับไลน์กัน เลยมานั่งคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ทำไมเราไม่ผลิตน้ำมันพืชเป็นแบรนด์ของตัวเองไปเลย เพราะมูลค่าตลาดมันใหญ่มีโอกาสเติบโตสูง ณ ช่วงเวลาที่เราตัดสินใจลุยธุรกิจน้ำมันพืช ตอนนั้นเฉพาะในเมืองไทยตลาดน้ำมันพืชมีมูลค่าตลาดราวๆ 20,000 ล้านบาท และที่สำคัญเรามีพื้นฐานด้านช่องทางการจัดจำหน่ายจากธุรกิจต่างๆ ที่ได้ทำมา” นั่นคือจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ธุรกิจน้ำมันพืชของเอกภัท แต่อีกหนึ่งเหตุผลคือเขามองว่าอาหารคือหนึ่งในปัจจัย

Read More