วันพุธ, เมษายน 24, 2024
Home > Life > 8 สาเหตุทำคุณถ่ายปัสสาวะขัด

8 สาเหตุทำคุณถ่ายปัสสาวะขัด

Column: Well – Being

การถ่ายปัสสาวะปวดแสบปวดร้อนหรือที่เรียกว่าถ่ายปัสสาวะขัด จัดได้ว่าเป็นอาการที่สร้างความรำคาญใจและน่าอายได้มากที่สุดอาการหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ไม่ว่าอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือคันและระคายเคืองผิวหนัง หรือต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง … เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมจึงถ่ายปัสสาวะขัด?

ข่าวดีคือ ตัวร้ายที่เป็นสาเหตุของการถ่ายปัสสาวะขัดมักเป็นตัวเดียวกันไม่มีอะไรซับซ้อน และแม้ว่าคุณกำลังเผชิญกับสาเหตุการถ่ายปัสสาวะขัดที่ไม่ได้มาจากสาเหตุร่วมโดยทั่วไป ให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยหาสาเหตุและหาวิธีรักษาที่ถูกต้องต่อไป ด้วยการเก็บตัวอย่างปัสสาวะส่งแพทย์ตรวจเท่านั้น

ถ้าคุณสงสัยว่า ทำไมจู่ๆ จึงถ่ายปัสสาวะขัด นิตยสาร Prevention นำเสนอเหตุผล 8 ประการที่เป็นไปได้ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญดังนี้

(1) คุณอาจติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)
ถ้าคุณต้องถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ (แต่คุณไม่ต้องการ เพราะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนและปัสสาวะขัด หรือในทุกครั้งที่มีปัสสาวะไหลออกมา) คุณอาจติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (urinary tract infection หรือ UTI)

ดร. ไมเคิล อิงเบอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะ อธิบายว่า “สิ่งแรกที่คุณควรคำนึงถึงคือ ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการที่เกิดมากที่สุดของโรคติดเชื้อทั้งหมด และผู้หญิงร้อยละ50-60 ล้วนเคยเป็นโรคนี้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต”

นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะไม่เป็น UTI แต่ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายราวร้อยละ 30 … ทำไม?

ดร. เดวิด ซามาดิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะและมะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะกล่าวว่า เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าของผู้ชาย แบคทีเรียจึงใช้เวลาเดินทางน้อยกว่ามากในการก่อให้เกิดโรค

ขณะที่ UTI ทำให้มีอาการปวดอย่างรุนแรงเวลาที่ปัสสาวะ และทำให้คุณรู้สึกถึงการกดทับบริเวณท้องน้อย หรือทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น ขุ่น หรือมีเลือดปน วิธีรักษามีทางเดียวคือ การส่งตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจและให้แพทย์สั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ

(2) คุณอาจติดเชื้อรา
เมื่อติดเชื้อราอาการก็เหมือน UTI คือทำให้ปวดแสบปวดร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ เพราะเนื้อเยื่อรอบท่อปัสสาวะมีความอ่อนนุ่ม ทำให้เกิดอาการเริ่มแรกคือ รู้สึกคันผิวหนังบริเวณนั้นอย่างมาก

ถ้าคุณเป็นผู้หญิง จะมีโอกาสติดเชื้อรามากขึ้น (ราวร้อยละ 70 ของผู้หญิงที่เคยติดเชื้อราอย่างน้อยหนึ่งครั้ง) ดร.ซามาดิอธิบายว่า ผู้ชายก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ถ้าพวกเขาไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือกินยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน ในกรณีนี้พวกเขาจะมีอาการบวมอักเสบที่ปลายองคชาติ

วิธีรักษา ในผู้หญิงใช้ครีม Monistat และ Lotrimin AF ในผู้ชาย หรืออาจกินยาตามแพทย์สั่งอย่าง Diflucan (fluconazone) เพื่อฆ่าเชื้อก็ได้

(3) คุณอาจเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (IC)
ถ้าคุณต้องมองหาห้องน้ำอยู่เสมอ เพราะต้องถ่ายปัสสาวะมากกว่าวันละ 8 ครั้งอย่างทุกข์ทรมาน คุณอาจเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (interstitial cystitis หรือ IC)

ดร. อิงเบอร์กล่าวว่า คุณต้องระมัดระวังการกินอาหารรสเผ็ดและอาหารที่เป็นกรด แต่คุณอาจต้องกินยาหรือรับการรักษาเพิ่มเติม เช่น ฉีดโบท็อกซ์ ฝังเข็ม หรือใช้เครื่องกระตุ้นเส้นประสาทไขสันหลังบริเวณกระเบนเหน็บ เพื่อบรรเทาอาการ

(4) คุณอาจมีปัญหาต่อมลูกหมาก
เวลาคุณถ่ายเบาแล้วเจ็บปวดขณะน้ำปัสสาวะพุ่งออกมา และมีปัญหาในการทำให้ปัสสาวะค่อยๆ หยุดไหล แพทย์อาจสงสัยว่าเกิดภาวะผิดปกติขึ้นกับต่อมลูกหมากของคุณ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีอายุเกิน 50 ปี

ดร.เจนนิเฟอร์ ไลน์แฮน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะกล่าวว่า คุณอาจเป็นโรคต่อมลูกหมากอักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณต่อมลูกหมากผ่านทางท่อปัสสาวะ

แต่บางครั้งก็ไม่อาจระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ คุณอาจต้องกินยาปฏิชีวนะ หรือกินยาเพิ่ม เช่น ยากลุ่มเบตาบล็อคเกอร์ (ซึ่งช่วยผ่อนคลายบริเวณที่ต่อมลูกหมากพบกับกระเพาะปัสสาวะ) และยากลุ่มเอ็นเสด หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการปวด

(5) คุณอาจเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI)
ดร. อิงเบอร์อธิบายว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually – transmitted infections หรือ STI) อย่างหนองในแท้ (โกโนเรีย) และหนองในเทียม สามารถทำให้ถ่ายปัสสาวะขัดได้ แม้โรค STI จะก่อให้เกิดความเครียด แต่การรักษาทำได้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นติดต่อคู่สัมพันธ์เพื่อให้รับรู้ แล้วระงับการมีเพศสัมพันธ์ระยะเวลาหนึ่ง

ดร. ซิปโปรา เชนเฮาส์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังกล่าวว่า ถ้าคุณเป็นเริมที่อวัยวะเพศ อาการเริ่มแรก (ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็กๆ ที่กลายเป็นตุ่มพุพอง มีน้ำเหลืองเยิ้ม หรือเป็นแผลอักเสบมีเลือดไหล) มักทำให้ทรมานมาก

เวลาเดิน นั่ง และถ่ายปัสสาวะจะเจ็บปวดอย่างที่สุด หรือคุณอาจมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ และปวดกล้ามเนื้อ ปัจจุบันแม้ยังไม่มียารักษาเริมโดยตรง แต่ยาต้านไวรัสอย่าง อะไซโคลเวียร์ และวาลาไซโคลเวียร์ จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการได้ เช่นเดียวกับยาแก้ปวดอย่าง ไอบูโพรเฟน และอะเซ็ตทามิโนเฟน ก็ช่วยบรรเทาปวดได้ รวมทั้งการดูแลรักษาด้วยตนเอง เช่น การนั่งอาบน้ำ

(6) คุณอาจมีอาการทางผิวหนัง
ดร. ชาร์ลีน เซนต์ สุริน-ลอร์ด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังกล่าวว่า เชื่อหรือไม่ ที่อาการทางผิวหนังมากมายสามารถเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ และก่อให้เกิดภาวะถ่ายปัสสาวะขัดอย่างรุนแรง และขณะมีเพศสัมพันธ์

อาการผื่นผิวหนังอักเสบ ทำให้ผิวหนังแดงและปวดแสบปวดร้อน รวมทั้งคันคะเยอบริเวณอวัยวะเพศ ที่คล้ายคลึงกัน คือ โรคเลเคนสเคิลโรซุส ทำให้คันและเจ็บปวดอย่างมาก ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศกลายเป็นสีขาว ซึ่งอาจลอกและเป็นแผลเป็นถ้าไม่ได้รับการรักษา ส่วนโรคไลเคน พลานัส ทำให้ปวดแสบปวดร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ แต่ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแบนสีม่วงคล้ำ ถูกล้อมรอบด้วยลายเส้นสีขาวคล้ายลูกไม้ (และมักเกิดขึ้นภายในช่องปากของคุณด้วย)

ดร. เซนต์ สุริน-ลอร์ด บอกข่าวดีว่า อาการทั้งหมดนี้สามารถควบคุมได้ด้วยการทาสเตียรอยด์เฉพาะที่ ถ้าแพทย์วินัยฉัยว่าคุณเป็นไลเคนสเคิลโรซุส หรือไลเคน พลานัส ขอให้รับรู้ด้วยว่า มันอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสเซลล์ราวร้อยละ 5 ด้วยเหตุนี้ จึงสำคัญมากที่ต้องพบแพทย์โรคผิวหนัง เพื่อตรวจคัดกรองให้แน่ชัด

(7) คุณอาจมีปัญหากับอุปกรณ์อาบน้ำ
ดร. เชนเฮาส์กล่าวว่า ถ้าคุณเพิ่งมีความสุขกับการผ่อนคลายด้วยฟองสบู่แสนนุ่มขณะอาบน้ำ แต่จู่ๆ กลับรู้สึกคันคะเยอเป็นที่สุด และถ่ายปัสสาวะขัด คุณอาจเกิดปฏิกิริยาตอบโต้กับภูมิแพ้ หรือที่เรียกว่าอาการผื่นแพ้สัมผัส เพราะช่องคลอดของคุณบอบบางอ่อนไหวมาก และระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์บางอย่างอย่างง่ายดาย เช่น สบู่ น้ำยาซักผ้า ผ้าเช็ดทำความสะอาด ครีมโกนหนวด สารหล่อลื่น และแม้แต่ยาทาเฉพาะที่

วิธีแก้ปัญหา ให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามที่ระคายเคืองผิวหนังของคุณ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม และหันมาใช้น้ำเปล่ากับสบู่อ่อน แต่ถ้าอาการคันยังไม่หายให้พบแพทย์ คุณอาจต้องใช้ครีมสเตียรอยด์ทาเฉพาะที่ หรือต้องกินยาแอนตี้ฮิสตามีน เพื่อหยุดวงจรคันแล้วเกาให้ได้

(8) คุณอาจเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
เมื่อกระเพาะปัสสาวะของคุณขับถ่ายของเสียออกมาไม่หมด ปัสสาวะที่ตกค้างอาจจับตัวเป็นผลึกใสและกลายเป็นก้อนนิ่วได้

ดร.ไลน์แฮนกล่าวว่า ก้อนนิ่วนี้สามารถทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคือง หรืออุดกั้นการไหลของน้ำปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดการถ่ายปัสสาวะขัด อาการดังกล่าวมักเกิดกับผู้ชายอายุเกิน 50 ปีมากกว่าผู้หญิง เพราะอาการลูกหมากที่โตขึ้นหรือที่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต

สำหรับนิ่วก้อนเล็กๆ คุณอาจใช้วิธีดื่มน้ำมากๆ เพื่อขับถ่ายออกมา แต่ถ้าเป็นนิ่วก้อนใหญ่ขึ้น แพทย์อาจช่วยสลายให้มีขนาดเล็กลงด้วยแสงเลเซอร์ อัลตราซาวด์ หรือการผ่าตัด

ใส่ความเห็น