วันพุธ, เมษายน 17, 2024
Home > New&Trend > ออโต้บอท ผ่า 3 พฤติกรรมนักช้อปในยุค Next Normal เน้นอยู่บ้าน-ทันใจ-ไร้การสัมผัส

ออโต้บอท ผ่า 3 พฤติกรรมนักช้อปในยุค Next Normal เน้นอยู่บ้าน-ทันใจ-ไร้การสัมผัส

ออโต้บอท ผ่า 3 พฤติกรรมนักช้อปในยุค Next Normal เน้นอยู่บ้าน-ทันใจ-ไร้การสัมผัส พร้อมยกทัพโปรโมชั่นรับต้นปี 64 ในแคมเปญ Shopee 2.2 Free Shipping Sale

ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจทั่วโลกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค Next Normal หรือ ความปกติถัดไป ‘ออโต้บอท’ แบรนด์หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่นอัจริยะยอดนิยม จึงได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยพบ 3 เทรนด์ที่สำคัญ ได้แก่ 1. ให้ความสำคัญกับชีวิตภายในบ้านมากยิ่งขึ้น 2. เทคโนโลยีต้องตอบโจทย์ความสะดวกสบายและช่วยลดภาระ และ 3. ประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัส ทำให้ออโต้บอท เข้าใจผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีพร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดตอบโจทย์พฤติกรรมใหม่รับปี 2564 ด้วยการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งโลกอีคอมเมิร์ซอย่าง ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นที่แคมเปญ Shopee 2.2 Free Shipping Sale

นายธรรมสร มีรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติ แบรนด์ออโต้บอท กล่าวว่า “จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งในด้านธุรกิจ สังคม และการดำเนินชีวิต ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนั้น ทำให้แบรนด์ต่างต้องตื่นตัวและค้นหาวิธีที่จะรับมือกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการและธุรกิจต่างๆ สามารถนำไปวางกลยุทธ์และแคมเปญการตลาดเพื่อตอบรับกับความต้องการของพวกเขาได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยที่ ออโต้บอท เราดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่ต้องการส่งมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคทุกคนด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย จึงได้มุ่งเน้นค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยและชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่นอกจากจะหันมาใส่ใจในด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังต้องการความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน”

โดยในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา ออโต้บอท ได้พบว่า หลังจากที่ต้องกักตัวอยู่บ้านและทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมี 3 พฤติกรรมที่สำคัญ ได้แก่

1. ให้ความสำคัญกับชีวิตภายในบ้านมากยิ่งขึ้น

ในช่วงเวลาปกติ ผู้คนมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกบ้านเพื่อออกไปทำงาน ไปโรงเรียน หรือไปทำกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ และจะกลับมาอยู่บ้านเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แต่ด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และมาตรการการล็อกดาวน์ในช่วงปี 2563 ที่ผ่าน ส่งผลให้ผู้คนต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าปกติ และทำให้ความสนใจในการดูแลความเรียบร้อย และปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านให้ดูน่ารื่นรมย์เพิ่มมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นเทรนด์ อาทิ

ปรับแต่งบ้านให้ดูสวยงามน่าอาศัย จากการที่หลายๆ คนต้องใช้สมาธิไปกับการเรียนและการทำงานภายในบ้านเกือบทั้งวัน ทำให้การตกแต่งพื้นที่อยู่อาศัยให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย มีลูกเล่น และสร้างความผ่อนคลาย เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ จึงเกิดเป็นกระแสการปลูกต้นไม้ การหาเฟอร์นิเจอร์สวยๆ มาประดับห้อง รวมไปถึงวิธีการบริหารพื้นที่จัดเก็บภายในบ้านขึ้น

ห่วงเรื่องสุขอนามัย แม้อยู่ในบ้าน แน่นอนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายๆ คน จนต้องมองวิธีการดูแลตนเองและคนรอบข้างอย่างเสมอๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การทำความสะอาดพื้นที่ภายในบ้านและฟอกอากาศเพื่อสร้างความอุ่นใจ โดยออโต้บอท ได้มีการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มาพร้อมกับเทคโนโลยีชั้นนำในการช่วยทำความสะอาด อาทิ เทคโนโลยีการกวาดและถู และเครื่องกรอง HEPA Filter ที่จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. เทคโนโลยีต้องตอบโจทย์ความสะดวกสบายและช่วยลดภาระ

จากการที่ต้องทำกิจกรรมและติดต่อกับโลกภายนอกผ่านโลกดิจิทัลและอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนทำให้ผู้บริโภคยึดติดกับการพึ่งพาความชาญฉลาด ความรวดเร็วและความสะดวกสบายทันใจของเทคโนโลยี จนเกิดเป็น Lazy Economy หรือ เศรษฐกิจของคนขี้เกียจ เปิดเป็นช่องทางการตลาดมาเพื่อตอบรับกับความขี้เกียจของคนมากขึ้น

สะดวกสบายและรวดเร็ว ด้วยเหตุการณ์การล็อกดาวน์และการระมัดระวังตัวของผู้คนมากขึ้น เป็นตัวบีบให้ต้องหันมาทำการช้อปปิ้งและซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันบนช่องทางออนไลน์มากขึ้นจนเกิดเป็นนิสัย โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของสินค้าออโต้บอท ประเภทหุ่นยนต์ดูดผุ่น และ เครื่องฟอกอากาศมีอัตราการเติบโตบน ช้อปปี้ ที่สูงขึ้นถึง 2 เท่า และ 3 เท่า ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 [1] โดยปัจจุบันการช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประชำวันของผู้คนไปแล้ว และจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะเนื่องจากสะดวกสบาย และมีการขนส่งที่รวดเร็ว เพียงอยู่บ้านก็สามารถรับสินค้าได้

ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีล้ำสมัย ปัจจุบันผู้คนมักมีหลายเรื่องให้ต้องทำในแต่ละวัน ทำให้การดูแลเรื่องจุกจิกเล็กน้อยภายในบ้านกายเป็นเรื่องหน้าเบื่อ ดังนั้นการมีเทคโนโลยีที่จะลดภาระและเสริมสร้างความสะดวกสบายจึงเป็นที่นิยม ออโต้บอท จึงได้ออกแบบและพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มาพร้อมกับความชาญฉลาดและฟังก์ชั่นล้ำสมัยตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่จะช่วยคำนวนพื้นที่ในการทำความสะอาด พร้อมเดินกลับแท่นชาร์จเองแบบอัตโนมัติเมื่อทำครบพื้นที่ หรือหลังจากแบตเตอรีหมด ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาด เหลือเวลาให้ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่

3. ประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัส

อีกหนึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเชื้อโควิด-19 คือการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดการสัมผัสสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธนบัตร เนื่องจากโควิด-19 เป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาและริมฝีปาก จึงเกิดเป็นพฤติกรรมแบบ Contactless หรือประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัสขึ้น ส่งผลให้ผู้คนหันมาทำธุรกรรม และชำระเงินผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยพฤติกรรมนี้ก็ยังคงอยู่กับผู้บริโภคต่อไป และยังคงมองหาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สัมผัสกับสิ่งของได้น้อยลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย อย่างนวัตกรรมจากออโต้บอท ที่มาพร้อมกับระบบควบคุมสั่งการจากแอปพลิเคชันบนหน้าจอสมาร์ทโฟน และ รองรับระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Home และ Alexa ให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการจากที่ใดก็ได้ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย

“พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค Next Normal นี้ มุ่งหาความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี และหันมาสนใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ปีนี้ ออโต้บอท ยังคงเน้นพัฒนานวัตกรรมให้มีความล้ำสมัยขึ้นไปอีกระดับ และได้ต่อยอดความร่วมมือกับช้อปปี้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีอันชาญฉลาดของออโต้บอท ให้ถึงมือผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และไร้การสัมผัส เริ่มต้นที่แคมเปญ Shopee 2.2 Free Shipping Sale ในวันที่ 25 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2564 นี้” นายธรรมสร กล่าวเสริม

ใส่ความเห็น