วันพุธ, เมษายน 24, 2024
Home > Life > ร้อนนี้จะไหวไหม เปิดเทคนิคเย็นใจ เย็นกาย ค่าไฟไม่พุ่ง

ร้อนนี้จะไหวไหม เปิดเทคนิคเย็นใจ เย็นกาย ค่าไฟไม่พุ่ง

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงปีใหม่คล้ายว่าเพิ่งไม่นานมานี้เอง หลายคนอยากให้เวลาเดินเร็วอีกสักหน่อย เพื่อที่จะได้ผ่านช่วงฤดูร้อนที่นับวันอุณหภูมิจะยิ่งสูงขึ้นทุกปี สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร หลายประเทศเริ่มตระหนักถึงปัญหาอุณหภูมิโลกที่ค่อยๆ สูงขึ้น เพราะนั่นส่งผลต่อน้ำแข็งขั้วโลก และสภาพอากาศของโลก และมนุษย์อย่างเราคงต้องยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลพวงจากการกระทำของมนุษย์

กระนั้นเลย ในเมื่อเรายังต้องเผชิญกับฤดูร้อนอย่างน้อยๆ อีกสองถึงสามเดือน ก็คงต้องหาวิธีรับมือกับหน้าร้อนนี้ให้ไหว ทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ และแน่นอนว่า ค่าไฟที่สูงขึ้นจากการเปิดเครื่องปรับอากาศหลายชั่วโมงต่อวัน

มาเริ่มที่การเตรียมความพร้อมด้านร่างกายและจิตใจ ที่จะรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุ

1. ร่างกายต้องการน้ำ
ในภาวะที่สภาพอากาศปกติ มนุษย์เราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล หรืออย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพราะน้ำช่วยสร้างสมดุลในร่างกาย และโดยเฉพาะในหน้าร้อนแบบประเทศไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องดื่มน้ำให้ได้ถึง 2 ลิตรต่อวัน หรือมากกว่านั้นในกรณีที่คุณจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ทำงานกลางแจ้ง หรือเดินทาง หากร่างกายขาดน้ำมากจะเกิดอาการ ตาแห้ง ปากแห้ง วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือในกรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว สูญเสียการรับรู้ ปัสสาวะสีเข้ม ท้องเสียรุนแรง

2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด รสเผ็ดร้อน
คนไทยมักจะคุ้นชินกับการบริโภคอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน ซึ่งเป็นรสชาติที่ถูกปากใครหลายคน แต่ในช่วงหน้าร้อนอาหารดังกล่าวควรหลีกเลี่ยง เพราะความเผ็ดร้อนของอาหารจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายในช่วงที่รับประทานอาหารสูงขึ้น อากาศร้อนอาจทำให้อาหารเสียง่าย นั่นอาจทำให้คุณมีอาการท้องเสีย ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้นกว่าเดิม

3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์จะใส่น้ำแข็งก็ตาม ทว่า ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม และหากดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น ทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจทำงานหนักขึ้น อาจทำให้ช็อกหรือเสียชีวิตได้

4. หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด สวมใส่เสื้อผ้าระบายอากาศดี
หากไม่มีความจำเป็น ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัด หรือหากจำเป็นควรหาอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น ร่ม หมวก การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะรับมือกับหน้าร้อนได้ เลือกผ้าฝ้าย หรือผ้าลินินที่เบาสบาย ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น

5. อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียด ใจร้อน หากิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสดชื่น
หากเราเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้เครียด ใจร้อน เมื่อเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเป็นทุนเดิม ยิ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น สมองมีความเครียดเพิ่มขึ้น ลองฝึกเป็นคนคิดบวก มองโลกแง่ดี อย่าปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่ พยายามทำให้ใจเย็นลงในเวลาไม่นาน และหากิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น เช่น ออกกำลังกาย โดยเลือกกีฬาทางน้ำ เล่นไอซ์สเกต หรือทำเครื่องดื่ม หวานเย็นที่ช่วยดับร้อนในร่างกาย น่าจะช่วยให้คลายร้อนได้

มาต่อที่เทคนิคการทำบ้านให้เย็น ค่าไฟไม่พุ่ง

1. เพิ่มอุณหภูมิของแอร์ พร้อมเปิดพัดลม
คำแนะนำนี้มาจากการไฟฟ้านครหลวง ที่แนะนำให้ประชาชนเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 27-28 องศาเซลเซียส ขณะเดียวกันให้เปิดพัดลมเข้าหาตัวเอง วิธีนี้ช่วยให้อุณหภูมิในบ้านลดลง เพราะการเคลื่อนที่ของอากาศเร็วขึ้น ความร้อนถูกกระจายออกไปได้ดีกว่าปกติ

นอกจากนี้ การเปิดแอร์ในช่วงที่อุณหภูมิเริ่มลดลง หรือในช่วงเย็นจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักหากเปรียบเทียบกับการเปิดในช่วงอากาศร้อนจัด ซึ่งนั่นจะทำให้กินไฟมากกว่าปกติ

2. เปลี่ยนหลอดไฟในบ้านเป็น LED
คุณรู้อยู่แล้วว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดสามารถปล่อยความร้อนออกมาได้ ไม่เว้นแม้แต่หลอดไฟที่ให้ความสว่าง โดยเฉพาะหลอดฟลูออเรสเซนต์ ที่ทำให้ห้องนั้นร้อนขึ้น ลองเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED นอกจากประหยัดพลังงานแล้ว ยังมีความเย็นมากกว่า ค่าไฟไม่พุ่งขึ้นอีกด้วย

3. เครื่องนอนแบบ Cooling ช่วยได้
อาจจะดูเป็นการลงทุนสักหน่อย แต่น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตเครื่องนอนทั้งฟูกที่นอน ผ้าปู ปลอกหมอน ผ้าห่ม ล้วนแต่มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสมอ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างประเทศไทย ที่ผู้ผลิตจำนวนไม่น้อยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องนอนแบบ Cooling ออกมาจำหน่ายหวังเอาใจคนขี้ร้อนโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเย็นสบายยามพักผ่อน เพราะระบายอากาศ ระบายความร้อนได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์แบบเดิมๆ

4. ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา หรือเถาไม้เลื้อย
หากบ้านคุณมีพื้นที่เหลือเฟือ ปลูกต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาก็ช่วยให้สภาพแวดล้อมที่อยู่ร่มเย็นขึ้นแน่ๆ แต่ควรเลือกต้นไม้ที่รากไม่ชอนไชจนทำลายรากฐานของบ้าน หรือทำระแนงสำหรับไม้เลื้อย นอกจากจะช่วยให้บ้านของคุณมีบรรยากาศสวยงามน่าอยู่ขึ้นแล้ว ยังช่วยกันแสงแดดได้อีกด้วย

ด้วยวิธีเหล่านี้ น่าจะทำให้คุณผ่านหน้าร้อนที่อุณหภูมิค่อยๆ ทวีความรุนแรงสูงขึ้นไปได้.

ใส่ความเห็น