วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
Home > New&Trend > เซ็นทรัลพัฒนาบุก อยุธยา-ศรีราชา-จันทบุรี เตรียมเปิด แลนด์มาร์กใหม่ 3 บิ๊กมิกซ์ยูส

เซ็นทรัลพัฒนาบุก อยุธยา-ศรีราชา-จันทบุรี เตรียมเปิด แลนด์มาร์กใหม่ 3 บิ๊กมิกซ์ยูส

“เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้นำบุกเบิกเมืองศักยภาพสูง อยุธยา-ศรีราชา-จันทบุรี เตรียมเปิด แลนด์มาร์กใหม่ 3 บิ๊กมิกซ์ยูส มูลค่ารวมกว่า 13,900 ล้านบาท พร้อม Grand Opening สิ้นปีนี้ – กลางปี 65

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งในการพัฒนาของไทย ประกาศเตรียมเปิดให้บริการ 3 โครงการมิกซ์ยูส ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล จันทบุรี รวมมูลค่าโครงการกว่า 13,900 ล้านบาท ช่วย Springboard เศรษฐกิจและประเทศฟื้นตัว ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐในอนาคต เชื่อมั่นยกระดับเมืองศักยภาพสูง ด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่จะเข้าไปเป็นแลนด์มาร์กใหม่ศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และชูอัตลักษณ์ของจังหวัด ยกระดับ Ecosystem ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมือง คาดช่วยสร้างอัตราการจ้างงานกว่า 10,000 ราย ชูคอนเซ็ปต์ ‘Imagining Success Together’ ในวิกฤตมีโอกาสในการลงทุนเสมอ พร้อมเผยโฉมแบรนด์ดังมั่นใจเดินหน้าลงทุน เติบโตไปด้วยกัน และเปิดแผนการตลาดระยะยาวเข้มข้นตรงเป้าจากฐานข้อมูลในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ย้ำ ‘กำลังซื้อชัด-ไลฟ์สไตล์ดี-สร้างเสน่ห์ท่องเที่ยว’ พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือผู้เช่าอย่างเป็นรูปธรรมกับ Flexible Leasing Programme ทั้งช่วยเหลือลดภาระผู้เช่า และโอกาสขยายธุรกิจสู่ทำเลศักยภาพ

งานแถลงข่าวได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนา นำโดย นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ, ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด และ นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขาย

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่ง โดยครองความเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งด้านอสังหาริมทรัพย์มาตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา และถึงแม้ในปีที่ผ่านมาจะเป็นปีแห่งความท้าทายจากวิกฤติโควิดก็ตาม แต่ในปี 2564 นี้ เราคิดบวกและเชื่อมั่นว่า ในวิกฤตยังมีโอกาสในการลงทุนเติบโตไปร่วมกันเสมอ และพร้อมพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตของประเทศ โดยยังคงเดินหน้าเตรียมพร้อมเปิดโครงการตามแผนที่วางไว้ทั้งสิ้น 3 บิ๊กมิกซ์ยูส รวมมูลค่าโครงการกว่า 13,900 ล้านบาท ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา มูลค่า 6,200 ล้านบาท, เซ็นทรัล ศรีราชา มูลค่า 4,200 ล้านบาท และเซ็นทรัล จันทบุรี มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมและยกระดับศักยภาพจังหวัด พร้อมดึงความโดดเด่นของอัตลักษณ์ท้องถิ่น และกระจายความเจริญและรายได้”

นางสาววัลยา กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้การขยายโครงการครั้งนี้ เราตั้งใจให้เป็นมากกว่าแค่การขยายสาขาศูนย์การค้า โดยได้วาง 3 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ คือ 1) บุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่ง 2) Customer-Centric Design Thinking and Marketing และ 3) Tenant-Centric Business Partnership กล่าวคือ

กลยุทธ์ที่ 1: บุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนา ด้วยจุดแข็งและ Success Formula ของบริษัทฯ ที่มีมายาวนาน โดยทุกโครงการสร้าง Big Impacts ให้กับทุกจังหวัดที่ไปตั้งอยู่ ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาทุกองค์ประกอบให้เป็นส่วนประกอบที่ดีที่สุดและที่เชื่อมโยงเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งคอนโดมิเนียมของเราเน้นจุดแข็งที่อยู่ติดศูนย์การค้าทำให้หลายโครงการสามารถ sold out ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ระยอง อาคารแรก, เชียงใหม่ อาคาร 1-2, โคราช อาคารแรก และขณะนี้มีเปิดโครงการเพิ่มอยู่ทั้ง 3 จังหวัด อีกทั้งโครงการที่หาดใหญ่ขณะนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นต้น โดยปัจจุบันธุรกิจที่พักอาศัยของเซ็นทรัลพัฒนามีกว่า 18 โครงการใน 10 จังหวัด นอกจากนี้ มีโรงแรมแบรนด์ใหม่ที่จะเกื้อหนุนโครงการ ทำให้มี Business & Traffic Ecosystem ที่ดีอย่างแน่นอน

พร้อมกับวิสัยทัศน์ที่เล็งเห็นศักยภาพและเจาะเมืองเศรษฐกิจใหม่ได้อย่างแม่นยำ ตอบรับไปกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล อยุธยา เพื่อสร้าง Complete Tourism Ecosystem ให้กับจังหวัด ช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของอยุธยาทั้งระบบ และส่งเสริมการเป็น Hub สู่ภาคเหนือและอีสาน, เซ็นทรัล ศรีราชา ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ล้ำสมัยพร้อมรองรับ EEC และ New S Curve และเซ็นทรัล จันทบุรี ผลักดันศักยภาพและเจียระไนจันทบุรีที่เป็นเหมือน Hidden Gem ของประเทศ เป็นจุดเชื่อมต่อจากเขตเศรษฐกิจ เป็น EEC Plus 2 ตามแผนพัฒนาเมืองรองของภาครัฐ

กลยุทธ์ที่ 2: Customer-Centric Design Thinking and Marketing แนวคิดการพัฒนาโปรเจ็คที่ รังสรรค์โครงการในทุกองค์ประกอบเพื่อทุกไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต และชูวิถีอัตลักษณ์ของเมือง ทุกโครงการมีความพร้อม และเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของจังหวัด ในเรื่องต่างๆ ได้แก่

· การออกแบบก่อสร้างที่ทันสมัย ผนวกวิถีแห่งเมือง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

· การร่วมมือกับพันธมิตรที่พร้อมเดินหน้าลงทุนเติบโตไปด้วยกัน และสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ customize ตามจังหวัดต่างๆ

· แผนการตลาดที่เจาะกลุ่มพร้อมรับ Digital Disruption, การสร้าง community, และแผนดันกำลังซื้อสนับสนุนร้านค้าตลอดทั้งปี ย้ำ ‘กำลังซื้อชัด-ไลฟ์สไตล์ดี-สร้างเสน่ห์ท่องเที่ยว’

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า เรามั่นใจว่าที่เมืองเศรษฐกิจที่เรากำลังจะขยายไปทั้ง 3 แห่งนั้น ทั้งอยุธยา, ศรีราชา และจันทบุรี ยังมี Retail Gap ที่รอให้เราเข้าไปเติมเต็มได้ ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนา เป็นเสมือน Milestone ที่ยกระดับความเจริญ และศักยภาพของเมืองหรือจังหวัดนั้นๆ และเราสร้าง community สร้าง Center of Life ให้กับทุกจังหวัดที่เราไปตั้งอยู่ โดยมีโฟกัสสำคัญในแต่ละโครงการ ดังนี้

“เซ็นทรัล อยุธยา”: อัศจรรย์อยุธยา ยกระดับความเรืองรองของเมือง UNESCO World Heritage ให้ทั่วโลกได้รู้จัก ส่งเสริมให้ ‘อยุธยาของคนไทย’ เป็นสปอตไลท์ระดับโลก ด้วยความโดดเด่นของโครงการ ดังนี้

1. Young Affluent & Urban Vibes: มีกลุ่มคนอยุธยารุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง

· จากฐานข้อมูล The 1 ของกลุ่มเซ็นทรัล มีกลุ่มที่เป็น unmet need ในอยุธยา โดยคนกลุ่มนี้กว่า 180,000 คน จำเป็นต้องเข้ามาช้อปในชานเมืองกรุงเทพฯ เฉลี่ย 6 ครั้งต่อเดือน ดังนั้น เซ็นทรัล อยุธยา จะเป็น Lifestyle Accelerator ทำให้อยุธยามีเดสติเนชั่นใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมากรุงเทพฯ

· มีประชากรกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากเกือบ 2,500,000 คน (อยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี, ชัยนาท, สุพรรณบุรี) และยังมีประชากรแฝงจากนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ 5 แห่งกว่า 166,000 คน ซึ่งเป็นบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และ Hi-tech โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกว่า 56 โครงการกว่า 5,700 units ราคาเฉลี่ย 1.5-3 ล้านบาท

2. Complete Tourism Ecosystem: อนุรักษ์และยกระดับการท่องเที่ยวของอยุธยาทั้งระบบ เป็นจุดหมายที่ครบครันในที่เดียว และส่งเสริมให้ stay longer เที่ยวอยุธยาให้นานขึ้น เที่ยว 2 วัน 1 คืน และเที่ยวได้ทั้งวันทั้งคืน ซึ่งจะเป็นจุดหมายใหม่แบบ Short-Trip Destination

· ดึงศักยภาพของเมืองแบบ Kyoto Model: เมืองแฝดเกียวโต-อยุธยา โดยดึงเอกลักษณ์ของการเป็นเมืองมรดกโลก, ประวัติศาสตร์, อาหาร, สินค้าพื้นถิ่น ซึ่งเซ็นทรัล อยุธยา จะช่วยบุกเบิก Modern Commerce District

· Complete Tourists’ Journey: เป็น Transportation Hub, มี Tourist Information, Cultural Space สร้าง The City Wonder Experience โดยวางแผนจับมือกับภาครัฐ จำลองรถรางโบราณ และสนับสนุนไกด์ท้องถิ่น

· Must-Visit Instagrammable Landmarks ทั่วโครงการ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่เป็นที่สะดุดตา โดยมี Façade และลานพระนคร ออกแบบโดยสถาปนิกไทย ผู้ออกแบบโรงแรมศาลาอยุธยา และคาเฟ่บ้านป้อมเพชร ด้วยดีไซน์อันเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์แห่งอยุธยา สร้างบรรยากาศแบบไทยร่วมสมัยหรือ Thai Twist แรงบันดาลใจจากท้องถิ่น เช่นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง และผ้าทอลายอย่าง

· Day-to-Night Attractions: เที่ยวได้ทั้งวันทั้งคืนกับ ตลาดเช้ามีสไตล์-ตลาดกลางคืนสุดชิค

· Co-Creating Exclusive Products with Tenants: สร้าง Wonder Collections จับมือกับร้านค้าผู้เช่าทำ Product ใหม่ๆ collab ออกมาเป็น exclusive products หรือ souvenirs ที่มีที่เซ็นทรัล อยุธยาเท่านั้น เช่น เครื่องจักรสาน ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของอยุธยาเข้ากับความโมเดิร์น

3. นักท่องเที่ยวและ Commuter มหาศาล: จับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

· นอกจากในช่วง Weekday และ Weekend จับกลุ่มคนอยุธยา 85% ที่มีกำลังซื้อแล้ว สำหรับ Weekend ยังเน้นจับกลุ่มสำคัญคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ อีก 15% โดยอยุธยามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนมากกว่า 8 ล้านคนในปี 2019 โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 6.2 ล้านคน และต่างชาติ 2.1 ล้านคน) ซึ่งตลาดการท่องเที่ยวอยุธยาสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเรามีแผนทำ International marketing กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

· Commuters ที่เดินทางผ่านหน้าโครงการ ซึ่งอยู่ติดถนนสายหลักถึง 100,000 คันต่อวัน

4. New Wonders ที่เดียวในอยุธยา: ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ จากแบรนด์ชั้นนำ และร้านค้ากว่า 400 ร้าน

 

“เซ็นทรัล ศรีราชา” ปั้นเมือง New S-Curve ซึ่งเป็น Promising City เมืองอนาคตไกล ผลักดันศักยภาพศรีราชาเป็น Center of EEC ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Inspiring Si Racha – The Innovation Oasis’ ล้ำอย่างลงตัว เป็น Community Thought Leader ด้วย Facilities ล้ำสมัย สร้างพลังสีเขียวใจกลางเมือง

1. Pioneer of the Future: The most innovative and largest mixed-use development นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ตอบรับการที่ศรีราชาเป็นเมืองดาวรุ่งอุตสาหกรรม และมี GDP เป็นอันดับ 2 ของประเทศ

· ตัวโครงการตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดใจกลางเมือง มีกำลังซื้อหนาแน่นด้วยแบรนด์บิ๊กอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยกว่า 61,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.5-6 ล้านบาท, โรงแรม,โรงเรียนและโรงพยาบาลชั้นนำ และนิคมอุตสาหกรรม 11 แห่ง

· ตอบโจทย์และเป็น #1 destination ของทุก community ทั้ง food, fashion, family, sport, pet, innovation

· สร้าง Co-Creating Creative Community: ร่วมมือกับ Tenant ในการ customize สินค้าและบริการ อาทิ Taste of Siracha รวมร้านดังของศรีราชา รวมถึงเตรียมจัดกิจกรรมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่เพื่อสร้างนวัตกรรม เช่น Hackathon พร้อมกับ Technology-Driven แบบ Touchless, Cashless ทั่วโครงการ

· Innovation Hub: ดึงดูด Start-Up และ Digital Nomad โดยมีตัวเลขประมาณการจากการที่เป็นเมือง New S-Curve จะมี ตัวเลขเงินลงทุนใน EEC สะพัดกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ในช่วงปี 2017-2022

2. กลุ่มเป้าหมายหลากหลายและมีกำลังซื้อสูง:

· ชาวศรีราชา มีประชากรกว่า 580,000 คน โครงการที่อยู่อาศัยเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี

· ชุมชน Japanese Expat ที่เข้มแข็ง โดยมีชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอื่นๆ อาศัยอยู่ประมาณ 40,000 คน อีกทั้ง กลุ่มคนญี่ปุ่นในทำงานที่ศรีราชาเป็นระดับ Top management เงินเดือนสูงเฉลี่ยประมาณ 100,000-200,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น จึงตั้งใจทำให้ศรีราชาเป็นเหมือน Little Yogohama

3. ยก Semi-outdoor format โมเดลแห่งความสำเร็จของเซ็นทรัล อีสต์วิลล์มาไว้ที่ศรีราชา

· Outdoor walking street: Giant Green Space กว่า 2,800 ตร.ม., ประกอบด้วย Playground, Food street, Pet park ผสมผสานธรรมชาติเข้ากับจุดเด่นของศรีราชา

· Eco-Friendly Mall: ใส่ใจการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พร้อม Giant Green wall, Solar Rooftop ลดการใช้พลังงาน และผลักดันแนวคิด Zero Waste

· Thematic Lifestyle Mall: สร้าง Seamless Shopping Journey ที่โซนต่างๆ จะผสมผสานในบรรยากาศ Homey Ambience อย่างลงตัว

4. High Confidence High Occupancy: แบรนด์ดังรายใหญ่มั่นใจในกำลังซื้อ พื้นที่เช่าเกือบเต็มแล้ว โดยได้รับความสนใจจากคู่ค้าอย่างมาก ได้แก่ food, education, IT เป็นต้น

 

“เซ็นทรัล จันทบุรี”: บุกตลาด Blue Ocean มิกซ์ยูสหนึ่งเดียวในจันทบุรี และครบครันที่สุดในภาคตะวันออก เป็น The Hidden Gem of EEC Plus 2 สร้างเศรษฐกิจและวิถีท้องถิ่นแข็งแกร่งระดับประเทศ

1. Landmark แห่งใหม่ของเมือง: ศูนย์กลางการใช้ชีวิตแห่งใหม่ที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด ทั้งศูนย์การค้า, Convention Hall, คอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย จำนวน 247 ยูนิต และโรงแรม ขนาด 158 ยูนิต

· Semi-Outdoor Model มีพื้นที่สีเขียว ขนาดใหญ่ถึง 5 ไร่ เพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะให้กับเมือง ประกอบไปด้วย Running Track, จุดจอดจักรยาน, เครื่องออกกำลังกาย, Social Park, Family Playground, Pet Playground และ Café

· เป็นโครงการแรกในต่างจังหวัดที่ทำ Sport Destination ด้วยพื้นที่ Multi-Purpose กว่า 4,000 ตร.ม.

· ผสานเสน่ห์ของจันทบุรีเข้ากับการออกแบบทั้งภายในและภายนอกโครงการ เช่น เสื่อจันทบูร, ลานหินสีชมพู และผลมะปี๊ด เป็นต้น

2. กำลังซื้อชัด ไลฟ์สไตล์ดี

· มีประชากรกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากกว่า 1,800,000 คน (จันทบุรี, ตราด, ปราจีนบุรี, สระแก้ว)

· จากฐานข้อมูลของกลุ่มเซ็นทรัล จันทบุรีมียอดขายอันดับต้นๆ ในสาขาต่างจังหวัด

· เมืองกำลังเติบโต มีสถานศึกษาถึง 45 แห่ง โรงแรม 29 แห่ง และที่พักอาศัย 24 แห่ง

3. เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเติบโตด้วย EEC Plus 2 และความมีเสน่ห์ของเมือง:

· มหานครผลไม้เมืองร้อนระดับโลก มี GPP (Gross Provincial Product) อันดับ 1 ของประเทศด้านเกษตรกรรม

· ศูนย์กลางการค้าพลอยและอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมช่างฝีมือไทยที่ทั่วโลกต้องส่งมาเจียระไนที่นี่

· เมืองท่องเที่ยวที่เป็น Rising star มี Local Tourism ที่แข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง โดยมีจุดเด่นทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ชุมชนเก่า รวมถึงการเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในประวัติศาสตร์ ทำให้มีคาเฟ่ และร้านอาหารสุดชิคมากมายจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (2014-2018) ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติกว่า 2.47 ล้านคนต่อปี (ปี 2020)

· จับกลุ่ม Cross-Border Trading ตอบโจทย์การค้าขายระหว่างพรมแดนด้วยกลุ่มเป้าหมายที่มี High Spender เช่นเดียวกับความสำเร็จของศูนย์การค้าในภาคอีสาน

4. ผนึกพลังธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล: ความมั่นใจของพันธมิตรธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ได้แก่ TOPS MARKET / SUPERSPORTS / POWERBUY / B2S และคู่ค้าอื่นๆ ที่สนใจตามมาอีกมากมาย

กลยุทธ์ที่ 3: Tenant-Centric Business Partnership เซ็นทรัลพัฒนามองการลงทุนกับคู่ค้าในระยะยาว ซึ่งการที่ธุรกิจต่างๆ จะเข้าไปขยายการลงทุนไปกับเรา จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว เราต้องก้าวไปสู่ next success ด้วยกัน โดยทุกศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา เน้นที่กลยุทธ์ในระยะยาวในการเป็น Center of Life, Center of Community ในทุกที่ที่ไป ด้วยการสร้างศูนย์การค้าที่ตรงใจคนในแต่ละโลเคชั่น เป็น The best in city and the most preferred choice ของ แต่ละจังหวัด พร้อมช่วยยกระดับจังหวัด ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกที่ ทำให้ถึงแม้จะมีปัจจัยระยะสั้น ก็ยังคงมีทราฟฟิกกลับมาดีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การนำเอา Digital Tools ต่างๆ มาเป็นเครื่องมือให้พันธมิตรร้านค้าเข้าใจ Customer Insight และทำ Targeted Marketing ได้มากขึ้น จากฐานข้อมูลของธุรกิจต่างๆ ในเครือเซ็นทรัลที่ทำธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศมาอย่างยาวนาน และมีการพาร์ทเนอร์กับ The 1 พัฒนาโปรเจ็ค The 1 Biz เพื่อช่วยให้ร้านค้าขายได้ดีขึ้น และช่วยให้แต่ละแบรนด์สามารถทำ CRM ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

และในช่วงสถานการณ์นี้ เราคำนึงถึง Tenant Growth, Tenant Sales, Tenant Success เป็นสำคัญ จึงได้ออก Flexible Leasing Programme เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการช่วยเหลือร้านค้าผู้เช่า อาทิ

· การช่วยลดภาระ ผ่อนคลายความกังวลเรื่องผลประกอบการในช่วงเปิดร้านใหม่ หรือในช่วงปีแรก

· การช่วยเหลือให้เข้าถึง Soft Loans กับพันธมิตรธนาคารต่างๆ

· ช่วย Business Matching กับ Local Investors

· On-going Tenant Support ตลอดทั้งปี เช่น The 1 Biz ซึ่งจะเป็น Effective CRM เพิ่มยอดขายให้กับผู้เช่า

· มี Central Pattana Serve Application พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างครบวงจร

ภาพรวมธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนา ของปี 2563 ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 32,062 ล้านบาท และกำไร 9,557 ล้านบาท สะท้อนความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการต้นทุน การปรับแผนการลงทุน รวมถึงการดูแลช่วยเหลือ Stakeholders ทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้า 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8 ล้านตารางเมตร (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์อาหาร 30 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 18 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL PAHOL 34 และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา อีกทั้งยังมีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อีกมากมาย อาทิ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมทุนกับดุสิตธานี และโครงการ GLAND ที่เซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย

 

ใส่ความเห็น