วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
Home > PR News > บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ฉลองความสำเร็จขายหุ้นกู้ 6,700 ล้านบาท

บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ฉลองความสำเร็จขายหุ้นกู้ 6,700 ล้านบาท

บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ฉลองความสำเร็จขายหุ้นกู้ 6,700 ล้านบาท เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน สร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจ นักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ เชื่อมั่นให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘BGRIM’ ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ ร่วมฉลองความสำเร็จการออกหุ้นกู้ ของบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด และ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 จำกัด รวมมูลค่า 6,700 ล้านบาท โดยมีตัวแทนจาก 2 บริษัทผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้คือ นายสมสกุล วินิชบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ Client Coverage 2.1 Corporate Banking 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้าร่วมในงานนี้ ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคาร ดร.เกฮารด์ ลิงค์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้

นางปรียนาถ ได้เปิดเผยว่า หลังจาก BGRIM ได้มีมติให้ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ บจก.บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ BGRIM เสนอขายหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้น และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าบริษัทละ 3,350 ล้านบาท รวมกันไม่เกิน 6,700 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มีอายุ 15 ปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ตลอดอายุของหุ้นกู้ โดยมีอัตราจ่ายดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.95 ต่อปี ไปเมื่อช่วงปลายเดือน พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา

โดยได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนฯ ด้วยชื่อเสียงและประสบการณ์ ตลอดจนผลประกอบการที่มั่นคงและเติบโตของ BGRIM ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ เป็นการนำเงินที่ได้ไปรีไฟแนนซ์เพื่อลดต้นทุนทางการเงินได้ประมาณ 1.2%-1.6% หรือเทียบเท่า 350 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ ณ สวนอุตสาหกรรม บางกะดี จังหวัดปทุมธานี เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม โดยแต่ละโรงมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 115 เมกะวัตต์ หรือรวมกันประมาณ 230 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำของแต่ละโรง

20.0 ตันต่อชั่วโมง ทั้งนี้กำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้แต่ละโรงนี้จะทำการจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ต่อหนึ่งสัญญาต่อหนึ่งบริษัทฯ ซึ่งมีการจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.และบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายให้กับ กฟผ. จะถูกนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในเขตสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 7 รายรวมกัน 8 สัญญาซื้อขายไฟอยู่ในภาคอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าที่มี ความมั่นคงและประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมอีกด้วย

นายสมสกุล วินิชบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ Client Coverage 2.1 Corporate Banking 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า ธนาคารฯ มีความยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับกลุ่มบริษัทอีกครั้งหนึ่ง และได้มีส่วนช่วยให้กลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนเป้าหมายมีความเชื่อมั่นในฐานะการเงินที่มั่นคง และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ BGRIM รวมถึงความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงความเชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ยาวนานในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของเมืองไทย จนทำให้เมื่อเปิดให้จองหุ้นกู้ก็ได้รับการตอบรับอย่างเป็นที่น่าพอใจ

พร้อมกันนี้ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทาง บล. ภัทร มีโอกาสได้ให้บริการแก่ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ มาโดยตลอด ตั้งแต่การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และได้ติดตามความเติบโตและความสำเร็จของ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ เรื่อยมา และในครั้งนี้ บล. ภัทร มีความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จอีกครั้งในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ของ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินกิจการอยู่แล้วทั้ง 2 โรง และมีความมั่นคงทั้งด้านการดำเนินงาน ตลอดจนรายได้ที่มั่นคงและมีการเติบโตสม่ำเสมอ นับเป็นการเพิ่มสินค้าที่มีคุณภาพในตลาดทุนและเพิ่มทางเลือกที่น่าสนใจให้กับนักลงทุน

ใส่ความเห็น