วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
Home > Cover Story > กวิน ว่องกุศลกิจ อองเทอเพรอนัวส์ยุค 4.0

กวิน ว่องกุศลกิจ อองเทอเพรอนัวส์ยุค 4.0

กวิน ว่องกุศลกิจ ใช้เวลาเกือบ 10 ปีบุกเบิกธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซในยุคที่หลายคนในวงการยังไม่รู้จัก จนล่าสุดลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ผุด “โกลว์ฟิช ออฟฟิศ” รูปแบบใหม่ “ไลฟ์สไตล์เวิร์กสเปซ” สาขาล่าสุดย่านสาทร ที่รวมทั้งบริการเซอร์วิสออฟฟิศและธุรกิจไลฟ์สไตล์รีเทลเข้าด้วยกันเป็นแห่งแรกในเมืองไทย

ที่สำคัญ โมเดลของโกลว์ฟิชเป็นไอเดียการทำธุรกิจที่กวินย้ำว่า ต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซอื่นๆ และสะท้อนแพสชั่นการทำธุรกิจของเขาตั้งแต่เริ่มต้นครั้งแรก เป้าหมายไม่ใช่การหารายได้กำไรเพียงอย่างเดียว แต่สามารถยืนอยู่ได้และต้องการเติบโตไปด้วยกันในกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ตั้งแต่กลุ่มฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัพ และอองเทอเพรอนัวส์ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มตัว

“ผมอยากสร้างโกลว์ฟิชให้เป็นธุรกิจฮีโร่ตัวหนึ่งของเมืองไทย…” กวินกล่าวกับ “ผู้จัดการ360องศา”

กวินเล่าว่า เขาพยายามสร้างโกลว์ฟิชให้มีความแตกต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซอื่นๆ เน้นการสร้างระบบนิเวศการทำงาน หรือ Ecosystem ให้เป็นพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อสร้างเครือข่ายชุมชนที่มี 3 องค์ประกอบ คือ Work, Play and Grow

Work คือ การทำสิ่งต่างๆ ที่ช่วยให้การทำงานมีผลผลิตมากขึ้น

Play คือ การออกแบบสถานที่ทำงานให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ได้อย่างแท้จริง เป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำงาน ซึ่งไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นกิมมิกเท่านั้น

ส่วน Grow เป็นการสร้างแรงบันดาลใจส่งเสริมการเติบโตในธุรกิจของพันธมิตรผู้เข้ามาใช้บริการ

ทั้งหมดจะช่วยให้ธุรกิจเพิ่มโอกาสการเติบโตและพัฒนาไปอย่างเข้มแข็ง ต่อยอดธุรกิจเติบโตแบบออร์แกนิก และยั่งยืนให้แก่กัน

ที่นี่จึงมีทั้งเซอร์วิสออฟฟิศที่ตอบโจทย์บุคลิกการทำงานของกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน ทั้งกลุ่มที่ต้องการออฟฟิศเป็นสัดส่วน กลุ่มที่ชอบสไตล์การทำงานแบบใช้พื้นที่ร่วม มีบริการอีเวนต์สเปซขนาดใหญ่ พื้นที่ 400 ตร.ม. ดีไซน์ระบบแสงและเสียงระดับไฮเอนด์ สามารถจัดคอนเสิร์ตรองรับสมาชิกได้ถึง 400 คน มีมีตติ้งสเปซหลากสไตล์ เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ระหว่างการประชุม

มีโซนสันทนาการ Work-Life Balance คือ ฟิตเนสระดับโลก Physique 57 และ Base สำหรับคนชอบออกกำลังกาย โซนไดน์นิ่ง สเปซ (Dining Space) ขนาดใหญ่จาก Kuppadeli, Viet Concept และเตรียมดึงพาร์ตเนอร์อื่นๆ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ให้คนทำงานสามารถใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ในพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 4,000 ตารางเมตร

กวินเคยกล่าวกับสื่อว่า ไอเดียและเป้าหมายการทำธุรกิจโกลว์ฟิชเป็นผลพวงจาก “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” ช่วงปี 2550-2551 หลังเรียนจบปริญญาโท สาขาการเงิน เดอะ ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และทำงานในแวดวงการเงินได้เพียง 2 ปี

ขณะนั้นโครงการอโศกทาวเวอร์ของครอบครัวเจอผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอย่างหนัก ลูกค้าแห่ยกเลิกสัญญาเช่าจนอัตราการเช่าตกวูบเหลือเพียง 40%

กวินตัดสินใจของบจากอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มมิตรผล ผู้เป็นพ่อ และผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ เปิดบริษัท เฮอริเทจ เอสเตทส์ ซื้อตึกอโศกทาวเวอร์มาบริหาร โดยนำเงินส่วนหนึ่งปรับปรุงตึกใหม่และปล่อยเช่าจนสามารถพลิกฟื้นโครงการสร้างอัตราการเช่าเต็ม 100% กลายเป็นตึกสำนักงานให้เช่าที่ได้รับความนิยม

ในจังหวะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังพลิกฟื้นจากผลกระทบวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ กวินเห็นโอกาสทางการตลาดจากลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีที่ต้องการพื้นที่ออฟฟิศเล็กๆ เพื่อดำเนินธุรกิจ ทำให้เขาลุยปรับเปลี่ยนพื้นที่สำนักงานให้เช่ามาเป็นพื้นที่สำนักงานสมัยใหม่ เปิดบริการ “เซอร์วิสออฟฟิศ” ในโครงการอโศกทาวเวอร์ โดยใช้จุดขายสำคัญ คือ การใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพที่สุดให้บริการลูกค้า สร้างสภาพแวดล้อมดึงดูดให้คนมาทำงาน มีการแชร์สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการร่วมกัน เช่น อินเทอร์เน็ต บริการเลขา บริการแม่บ้านทำความสะอาด และการซ่อมแซมต่างๆ บวกกับทำเลใจกลางเมืองทำให้กลยุทธ์เซอร์วิสออฟฟิศโดนใจกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก

ปี 2556 หลังชิมลางธุรกิจเซอร์วิสออฟฟิศกว่า 3 ปี กวินทุ่มทุนเปิด “Glowfish Co-Working Space” อย่างเป็นทางการในตึกอโศกทาเวอร์ พื้นที่รวม 1,500 ตารางเมตร โดยเน้นการสร้างพื้นที่ทำงานในบรรยากาศสไตล์ใหม่ สร้างคอมมูนิตี้คนทำงานที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียต่อยอดธุรกิจ เปิดอีเวนต์สเปซ ส่งเสริมให้ลูกค้าจัดอีเวนต์แนะนำธุรกิจ โดยวางคอนเซ็ปต์การบริการแบบเดียวกับโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เนื่องจากมีประสบการณ์การบริหารในบริษัท ดิ เอราวัณ จำกัด (มหาชน)

ปี 2559 บริษัทเฮอริเทส เอสเตทส์ เดินหน้าลงทุน 30 ล้านบาท ผุดโกลว์ฟิชสาขาที่ 2 ในศูนย์การค้าเซ็นเตอร์พอยต์ ออฟ สยามสแควร์ พื้นที่รวม 900 ตารางเมตร เพื่อเป็นทางเลือกการตั้งสำนักงานให้ธุรกิจใหม่ เน้นความสะดวกในการเดินทาง มีทางเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสยาม โดยมีออฟฟิศให้เช่าพร้อมบริการระยะสั้นและระยะยาว จำนวน 26 ห้อง มีพื้นใช้สอยส่วนกลาง ได้แก่ Library, Pantry, Nap Room และ Lounge เพื่อให้สมาชิกผ่อนคลาย นอกจากนั้น มีบริการห้องประชุม และห้องจัดงานอเนกประสงค์ที่สามารถจุได้ถึง 100 คน

อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปี 2560 กวินตัดสินใจปิดโกลว์ฟิช สาขาสยาม เนื่องจากเจอต้นทุนค่าเช่าที่พุ่งขึ้นสูงบวกกับจินตนาการของกวินที่ต้องการสร้างโคเวิร์กกิ้งสเปซรูปแบบใหม่ ซึ่งต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมมากขึ้น

ต้นปี 2561 โกลว์ฟิชสาขาสาทรจึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมๆ กับคอนเซ็ปต์ใหม่ “ไลฟ์สไตล์เวิร์กสเปซ” ฉีกแนวจากคู่แข่งในตลาด โดยดึงพาร์ตเนอร์กลุ่มสตาร์ทอัพชั้นนำของประเทศไทยและของโลก เช่น บริษัท Event pop ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจัดงานอีเวนต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์พาร์ตเนอร์ “ฟังใจ” และ Joox รวมทั้งบริการฟิตเนสระดับโลก Physique 57 และ Base

ล่าสุด เซอร์วิสออฟฟิศทั้ง 26 ยูนิตของโกลว์ฟิช สาทร ถูกจองแล้วทั้งหมด มีงานอีเวนต์ที่วางแพลนไว้ทุกเดือน งานคอนเสิร์ต งานแถลงข่าว และงานสัมมนาของกลุ่มอองเทอเพรอนัวส์

สำหรับบริษัท เฮอริเทจ เอสเตทส์ นอกจากธุรกิจเวิร์กสเปซ “โกลว์ฟิช” แล้ว นักธุรกิจหนุ่มวัยไม่ถึง 40 ยังลงทุนเปิดธุรกิจโรงแรมแอดลิบ (Ad Lib) โดยนำบ้านเก่าของครอบครัวบนถนนสุขุมวิทซอย 1 มาปรับเป็นบูทีคโฮเทล และธุรกิจร้านอาหาร Kuppadeli ซึ่งต่อยอดจากร้าน Kuppa ของคุณแม่ที่ถือเป็นร้านกาแฟคั่วเจ้าแรกในประเทศไทย มีสาขารวม 5 แห่ง ได้แก่ สาขาอโศก เอ็มโพเรียม โรงแรมเอราวัณ สยาม และสาทรธานี

ถามถึงเป้าหมายของกวิน เขาครุ่นคิดก่อนตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่ง เพราะมีแผนในหัวสมองอีกมากมาย โดยเฉพาะการสร้างโกลว์ฟิชให้เป็นฮีโร่ ในฐานะผู้นำธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ช่วยสนับสนุนกลุ่มอองเทอเพรอนัวส์เติบโตไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่แค่ในตลาดไทยแต่ไปไกลถึงตลาดต่างประเทศด้วย

ใส่ความเห็น